นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปี 60 เติบโต 20% จากปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หลังจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เข้ามาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 50 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะมาจากโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ กำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ทันในสิ้นปี 59 และจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 60 นอกจากนี้ยังจะ COD โครงการโซลาฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มอีก 30-40 เมกะวัตต์ และโครงการอื่น ๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การลงทุนในปี 60 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 5,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากกระแสเงินสด เพื่อใช้ในการซื้อโครงการโรงไฟฟ้าและเข้าร่วมทุนกับพัธมิตรในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศ โดยในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะได้เห็นโครงการพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ที่บริษัทยังไม่ได้ดำเนินการ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ จากปัจจุบันบริษัทมีเพียงโครงการโรงไฟฟ้าโซลาฟาร์มเท่านั้น
"ปีหน้าจะได้เห็นโครงการโรงไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้เราก็มีศึกษาทุกรูปแบบและมีดีลอยู่ทั่วโลก ส่วนโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพปีหน้าอาจจะได้เห็นตอนนี้ก็ศึกษาใกล้แล้วเสร็จและมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้นได้เร็ว ๆ นี้ แต่การลงทุนเราก็ต้องคำนึงถึงผลตอบแทนที่จะได้รับและความคุ้มค่าในการลงทุน โดยกำลังเมกะวัตต์ในอุตสาหกรรมที่ทำให้บริษัทอยู่รอดได้ต้องทำได้ราว 3-5 ล้านบาท/เมกะวัตต์ "นายบัณฑิต กล่าว
นายบัณฑิต คาดว่าภายในเดือนธันวาคมนี้บริษัทจะได้ข้อสรุปการเข้าซื้อโครงการพลังงานลมในต่างประเทศ เป็นโครงการที่พัฒนาและจ่ายไฟฟ้าแล้ว ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้และผลตอบแทนให้แก่บริษัทได้ทันที แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ชัดเจน แต่บริษัทก็ยอมรับว่าประเทศที่มีลมดีที่สุดตอนนี้อยู่บริเวณแถบไต้หวัน
ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจว่าภายในปี 63 จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งหมด 1,000 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมด 418 เมกะวัตต์ โดยเป็นโครงการที่ COD แล้วทั้งหมด 196 เมกะวัตต์ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะร่วมมือกับคู่ค้าที่ผลิตแผงโซลาร์และวัสดุที่มีความเกี่ยวข้องกับการติดตั้งในโครงการพลังงานทดแทน เพื่อช่วยลดต้นทุนในการก่อสร้างและค่าใช้จ่ายให้ลดลง เพื่อทำให้ความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น