นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) คาดว่า ปี 60 จะทำรายได้มากกว่า 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ทำได้ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท และต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 5.27 พันล้านบาท หลังงานโครงการภาครัฐและเอกชนออกมาค่อนข้างน้อย
แต่ในปีหน้าคาดว่าจะมีงานภาครัฐและเอกชนให้ประมูลกว่า 2 หมื่นล้านบาท เช่น งานระบบรัฐสภาแห่งใหม่ การรถไฟแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะงานโครงการอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ชุมชนมูลค่า 15,000 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่ต้นปี 59 แต่ปัจจุบันดำเนินการล่าช้าค่อนข้างมาก รวมถึงงานเอกชนอื่น ๆ อีก
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้า และยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่มูลค่าราว 400 ล้านบาท คาดหวังที่จะได้งานราว 70-80%
"ปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีนัก เพราะงานต่าง ๆ มีการชะลอออกไป และแทบจะไม่ออกมาเลย ในส่วนของงานภาครัฐฯ ทำให้ผลประกอบการของเราต่ำกว่าปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าในปีหน้างานต่าง ๆ จะออกมามากกว่าปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตขึ้นด้วย"นายศิริพงษ์ กล่าว
นายศิริพงษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนใน Start Up ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับกิจการของบริษัท เพื่อพัฒนาและเพิ่มบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 60
ส่วนแผนงานในปี 60 บริษัทมีแผนจะเพิ่มสายงานใหม่เพื่อกระจายการให้บริการที่หลากหลาย โดยจะเน้นสร้าง Cloud ในลักษณะ Private Cloud ให้กับลูกค้าที่เป็นองค์กรใหญ่ ที่มีบริษัทย่อยและข้อมูลที่ต้องการดูแลจัดเก็บในระบบเดียวกัน สามารถส่งต่อข้อมูลระหว่างกันภายในองค์กร เพื่อลดต้นทุนและลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลได้ ซึ่งความต้องการใช้มีแนวโน้มสูงมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มราชการที่มีข้อมูลเชื่อมโยงกันค่อนข้างมาก
ขณะที่ธุรกิจ Data Center จะพยายามเน้นให้บริการเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก Data Center มากเท่าที่ควร รวมถึงจะเน้นพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยด้านไอทีด้วย
ในส่วนของงานต่างประเทศนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและลงสำรวจพื้นที่ โครงการเคเบิลใต้น้ำในเมียนมา ส่วนในลาวอยู่ระหว่างเจรจาเป็นที่ปรึกษาด้านระบบเทคโนโลยีให้กับภาครัฐบาล ขณะที่ในกัมพูชา บริษัทได้เข้าเสนอโครงการระบบทะเบียนราษฎร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอราคา และมีโอกาสได้งานค่อนข้างสูง เพราะไม่มีคู่แข่ง
"เราเตรียมแผนเพื่อที่จะกระจายความเสี่ยงให้รับรู้รายได้ในหลาย ๆ ธุรกิจ ซึ่งเรามามองถึงความต้องการของลูกค้าว่าต้องการอะไรบ้าง และในปีหน้าเราก็จะเริ่มเห็นรายได้จากธุรกิจใหม่เช่น Cloud ในลักษณะ Private Cloud สำหรับองกรณ์ขนาดใหญ่ที่มีบริษัทลูกเยอะ ๆ เพื่อที่จะเป็นการลดต้นทุนในเรื่องของระบบที่ซ้ำซ้อน ซึ่งธุรกิจใหม่ ๆ พวกนี้มีความต้องการมาก และจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตของเรา"นายศิริพงษ์ กล่าว