บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เดินหน้าแผนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ชัยภูมิ หรือ“โครงการหนุมาน" กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการลงทุนที่ใหญ่ที่สุด EA หลังจากออกแบบโครงการเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนเริ่มลงมือก่อสร้างในต้นปีหน้า โดยโครงการนี้มีมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 20,000 ล้านบาท มีกำหนดแล้วเสร็จกลางปี 61 เมื่อสร้างเสร็จ จะส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของ EA ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 664 เมกะวัตต์
นางออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร EA คาดผลประกอบการปี 60 ทั้งในแง่รายได้และกำไรสุทธิ จะเติบโตมากกว่าปีนี้ที่คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราช กำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างรอความพร้อมของสายส่ง คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงปลายปีนี้
ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิต 278 เมกะวัตต์ หากมีโครงการใหม่ COD เข้ามาครบก็ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นเป็น 404 เมกะวัตต์ โดยสัดส่วนรายได้ในปี 60 จะมาจากการขายไฟฟ้าเพิ่มเป็น 55-60% จากปีนี้อยู่ที่ 50% และรายได้ในส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจไบโอดีเซล
บริษัทฯได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 20,000 ล้านบาท ในปี 60-61 เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม"หนุมาน"ที่จังหวัดชัยภูมิ 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันได้ทำการออกแบบเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในรายละเอียดต่างๆ โดยคาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 60 และก่อสร้างแล้วเสร็จภายในช่วงกลางปี 61 ทำให้ EA จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 664 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้และกำไร เติบโตอย่างก้าวกระโดด
"ปีหน้าเราจะมีรายได้จากโครงการพลังงานลมเข้ามาเต็มปี ซึ่งจะทำให้เราเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของปีนี้ผลประกอบการยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะช่วงหน้าฝนกินระยะเวลาค่อนข้างยาว และบางพื้นมีเมฆค่อนข้างมาก ทำให้ความเข้มของแสงไม่มากเพียงพอส่งผลต่อกำลังการผลิตที่ออกมาน้อยกว่าที่คาดไว้"นางออมสิน กล่าว
ส่วนการเข้าไปลงทุนในบริษัท Amita Technologies Inc. ซึ่งเป็นธุรกิจแบตเตอรี่ในประเทศไต้หวัน สัดส่วน 35.20% ของทุนชำระแล้ว ด้วยการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนมูลค่าประมาณ 690 ล้านบาท เพื่อนำจุดแข็งของแต่ละฝ่าย มาพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจพลังงานของ EA โดยในช่วงแรกนั้นบริษัทยังไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนมากนัก แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมากตามการเติบโตของบริษัท Amita Technologies Inc.
ขณะที่การย้ายเข้าไปจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ปัจจุบันได้ยื่นเอกสารต่างๆให้กับตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างเลือกระยะเวลาที่มีความเหมาะสม โดยบริษัทฯคาดว่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้หรือในปี 60