นายไพฑูรย์ กำชัย กรรมการบริหาร รองกรรมการผู้จัดการ กำกับดูแลสายงานการเงิน บัญชี และทรัพยากรบุคคล บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 60 มีโอกาสกลับมาสดใสขึ้น หลังคาดว่าภาระค่าใช้จ่ายพิเศษจากการซ่อมแซมฐานกังหันลมของโครงการห้วยบงจะสิ้นสุดในช่วงไตรมาส 2/60 ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นปัจจัยที่ส่งผลฉุดผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 4.89 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในเข้ามาในไตรมาส 4/59 และส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในปี 60 นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะเข้าประมูลงานรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งงานจากภาครัฐและเอกชนมูลค่ารวม 8.29 พันล้านบาท โดยงานที่คาดว่าจะมีการประมูลส่วนใหญ่จะเป็นงานสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เริ่มประมูลงานในพื้นที่ภาคใต้ตามแผนการปรับปรุงระบบจำหน่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณมูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท ของกฟผ. ที่จะใช้ปรับปรุงระบบจำหน่ายทั่วประเทศ แบ่งเป็นงานสายส่งภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 หมื่นล้านบาท และภาคใต้อีก 6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานรับเหมามูลค่า 2.44 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดหวังได้งานมากที่สุด ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 60 บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำ และคาดว่าจะสามารถเปิดเผยได้ในช่วงต้นปี 60 สำหรับการลงทุนในปีหน้าบริษัทจะยังไม่มีการลงทุนใหม่ ๆ จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่จำนวน 68.4 เมกะวัตต์ ทั้งโครงการพลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ และมีการเดินเครื่องผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 38.4 เมกะวัตต์
บริษัทวางแผนเดินสายให้ข้อมูล (Road show) กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศในช่วงหลังไตรมาส 1/60 หลังผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 แล้วเสร็จ และแนวโน้มของค่าใช้จ่ายพิเศษจากการซ่อมแซมฐานกังหันลมของโครงการห้วยบงมีความชัดเจนว่าจะสิ้นสุดลง ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะหากไม่มีปัจจัยกดดันจะทำให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติมองเห็นถึงโอกาสในการเข้าลงทุน หลังจากบริษัทเริ่มเห็นผลการดำเนินงานของบริษัทกลับมาฟื้นตัวอย่างมีศักภาพ โดยในช่วงแรกบริษัทจะเน้นเดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันในอาเซียนก่อน อย่างเช่น สิงคโปร์ เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทมีนักลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้น DEMCO ผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด อยู่ที่ 8.35%
“ช่วงที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ไปโรดโชว์ที่ไหนเลย เพราะเรายังมีปัจจัยที่ฉุดผลการดำเนินงานของเราอยู่ ในเรื่องค่าใช้จ่ายพิเศษของการซ่อมกังหันลม ซึ่งเราก็ได้หยุดพักการโรดโชว์ไปก่อน ซึ่งหากผลการดำเนินงานเรายังไม่ดีมองว่านักลงทุนต่างชาติก็คงยังไม่ให้ความสนใจบริษัทเรา แต่เราก็คาดว่าปีหน้าหลังจากไตรมาส 1 แล้วก็อาจจะออกไปโรดโชว์ แต่จะเน้นไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนสถาบันในอาเซียนก่อน ซึ่งเราก็รอความชัดเจนของแผนการดำเนินงานปีหน้าที่อยู่ระหว่างการพิจารณา และความแน่นอนของค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมกังหันลม ที่มีโอกาสหมดได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้า”นายไพฑูรย์ กล่าว
นายไพฑูรย์ คาดด้วยว่า สำหรับรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 5.36 พันล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ทำได้แล้ว 5.24 พันล้านบาท