นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 60 จะเติบโตจากปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5% จากปีนี้ ตามภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายภาครัฐที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหลายสาย การก่อสร้างถนน ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบมากขึ้น นอกจากนี้เกษตรกรก็ไม่มีผลกระทบจากภัยแล้ง และราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กำลังซื้อของประชาชนปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างเร่งดำเนินการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อที่จะรองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เช่น บ้านทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม บ้านแฝด ที่มีการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ออกมามากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านลูกค้าโครงการที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีในปี 60
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ยังมีแผนขยายสาขาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งตามหัวเมืองใหญ่และหัวเมืองรอง จึงเป็นโอกาสที่ DRT จะเพิ่มยอดขายจากช่องทางดังกล่าว ด้านยอดขายต่างประเทศ ยังมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็น กัมพูชา เมียนมา และลาว ซึ่งบริษัทฯยังมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะขึ้นไปแตะ 20% ในปี 61 จากปัจจุบันอยู่ที่ 18%
"ในปี 60 ต้องถือว่าเป็นปีที่ดีของตลาดวัสดุก่อสร้างภายในประเทศจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและได้เริ่มดำเนินโครงการแล้ว ประกอบกับสถานการณ์ภายในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้นทั้งเรื่องของรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง ทำให้บรรยากาศการซื้อสินค้าของผู้บริโภคกลับมาดีขึ้น และกล้าจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้ามากขึ้น"นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ ยอดขายที่ปรับตัวดีขึ้นและใช้กำลังการผลิตรวมสูงถึง 80% ซึ่งบางไลน์การผลิตใช้กำลังการผลิตขึ้นไปสูงถึง 90% แล้ว บริษัทฯจึงอยู่ระหว่างเตรียมพิจารณาไลน์การผลิตใหม่ในส่วนของสินค้าทดแทนไม้ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/60 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท
ขณะที่ปีนี้ บริษัทฯยังมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่ 330.99 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯดำเนินแนวทางในการจัดการต้นทุน และสามารถต่อรองเรื่องวัตถุดิบให้มีราคาที่ต่ำลง ประกอบกับได้มีการชำระหนี้สถาบันทางการเงินไปบางส่วน ส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลงค่อนข้างมาก โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 8% จากปีก่อนที่ 7.93% โดยในช่วงครึ่งปีแรกขึ้นไปถึง 10.87%