นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ไต่ขึ้นต่อแต่ไม่มาก ขานรับผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่กระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าคาด โดยได้ขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ( QE) ออกไปอีก 9 เดือน จากที่ตลาดคาดว่าจะขยายเวลาเพียง 6 เดือน แต่ ECB ได้ลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรจากเดิม 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน เหลือ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เม.ย.-ธ.ค.60
นอกจากนั้นตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบรีบาวด์กลับเหนือ 50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อีกครั้ง ขณะที่ยังต้องจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอนโอเปกในวันพรุ่งนี้ ประกอบกับมีสัญญาณเชิงบวกกระแสเงินทุนไหลกลับ และยังมีเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย แม้ว่าภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้จะบวกลบคละเคล้ากันก็ตาม
พร้อมให้แนวต้าน 1,530-1,535 แนวรับ 1,520 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,614.81 จุด เพิ่มขึ้น 65.19 จุด (+0.33%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,417.36 จุด เพิ่มขึ้น 23.60 จุด (+0.44% ), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,246.19 จุด เพิ่มขึ้น 4.84 จุด (+0.22%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 74.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 96.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.90 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 22.03 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ธ.ค.59) 1,525.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.88 จุด(+0.32%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,060.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ธ.ค.59) ปิดที่ 50.84 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ธ.ค.59) ที่ 6.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.65/67 อ่อนค่าตามยูโร ขานรับ ECB ขยายเวลา QE เพิ่มตามคาด
- "สมคิด"เดินสายโรดโชว์จีน ถก "แจ๊ค หม่า" ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงความร่วมมือระหว่างไทย-อาลีบาบา พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล 4 ด้าน ปั้นเอสเอ็มอี 3 หมื่นราย ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล 1 พันราย "สมคิด" เผยมีโอกาสอาลีบาบา ร่วมลงทุนโครงการอีอีซี พัฒนาไทยสู่ศูนย์กลางข้อมูลดิจิทัลอาเซียน ด้านผู้ประกอบการหวั่นสินค้าจีนท่วมตลาด ตัดโอกาสเอสเอ็มอี
- กพช.เคาะแผนเปิดเสรีธุรกิจก๊าซแอลพีจี ยกเลิกระบบโควตานำเข้า ชี้ไม่กระทบราคาขายปลีก พร้อมเตรียมแผนนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีเพิ่ม รับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติทะลุ 5,000 ล้านลบ.ฟ./วัน "อนันตพร"เผยชี้ขาดโรงไฟฟ้ากระบี่ ในการประชุมเดือนหน้า ยันมีแผนรองรับ
- กระทรวงการคลังส่งหนังสือถึงออมสิน -ธ.ก.ส.-กรุงไทย ให้เริ่มจ่ายเงินคนจน คาดแต่ละแห่งเริ่มจ่ายได้ตั้งแต่วันนี้ โดยจะต้องให้แล้วเสร็จไม่เกิน 30 ธ.ค.59
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ลดต่อเนื่องเดือนที่ 2 ชี้ประชาชนยังวิตกเศรษฐกิจ-ส่งออกยังฟื้นช้า หวังปลายปีเม็ดเงินกระตุ้น 5-8 หมื่นล้านบาท แนะรัฐเร่งอัดฉีดโดยเร็ว ปลุกกำลังซื้อ ระบุหากจีดีพีไม่ถึง 4% ถือว่ายังเสี่ยง
*หุ้นเด่นวันนี้
- หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (SCB,KTB)(เคจีไอฯ)"ซื้อ" จากกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่เริ่มไหลกลับเข้ามา รวมกับโครงการลงทุนภาครัฐฯที่เริ่มมีความชัดเจน จากการประกาศผลการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสีชมพู–เหลือง และคาดสายสีส้มจะประกาศผลเร็วๆ นี้ รวมถึงการขายซองฯรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง ประเมินหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ มีโอกาส Outperfrom ตลาดฯในระยะสั้น SCB เป้าพื้นฐาน 165 บาท ประเด็นบวกเรื่องคดี SSI วันที่ 15 ธ.ค.นี้ มีโอกาสที่ศาลล้มละลายกลางจะอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI ส่วน KTB เป้าพื้นฐาน 19.8 บาท ประเด็นบวกเรื่องโครงการลงทุนภาครัฐฯ คาด KTB มีโอกาสเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อหลัก
- ASK (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 27 บาท ให้สินเชื่อรถเชิงพาณิชย์ตั้งเป้าสินเชื่อปี 60 เติบโต 15% Y-Y สูงกว่าปีนี้ที่ขยายตัว 10% Y-Y เน้นสินเชื่อรถบรรทุก ซึ่งได้อานิสงส์จากการขนส่งในประเทศและการค้าชายแดนที่จะคึกคักขึ้นในปีหน้า ในบรรดาผู้เล่นในธุรกิจเดียวกัน ต้นทุนทางการเงินของ ASK ลดลงช้าที่สุดโดยเพิ่งเริ่มลดลงตั้งแต่ 3Q59 และใน 4Q59 จะมีหุ้นกู้ดอกเบี้ยสูงครบอายุอีก ทำให้ ASK ได้ประโยชน์เต็มที่เต็มปีในปี 60 ในขณะที่บริษัทอื่นในกลุ่มรับรู้ประโยชน์ไปแล้วในปีนี้ กำไรของ ASK ในปีหน้าจึงเด่นสุด คาด +11.5% Y-Y และคาด Dividend yield 6-7%
- PTTEP (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 95.00 บาท ภายใต้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 51.41 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล +2% dod ภายใต้ปัจจัยหนุนจากผลการประชุมล่าสุดของโอเปก ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วง 4Q/59 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 45-55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนผลการดำเนินงานของ PTTEP ในช่วงปี 60 สามารถรับมือกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลงได้ เนื่องจากได้มีการทำ hedging ไว้แล้วจำนวน 30% ของการผลิตทั้งหมด ขณะที่ราคาก๊าซจะปรับลดลงมาต่ำสุดในช่วงประมาณ 1Q/60 จากการปรับสัญญาราคาขายก๊าซตามราคาน้ำมันดิบในช่วงเดือน ต.ค.59 และคาดปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2Q/60 เป็นต้นไป คาดรายได้ในปี 60 เพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ 173,740 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 17,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% คาด