นายจอร์น เลสลี่ มิลลาร์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนากลยุทธ์ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดโอนในปี 60 เติบโต 66% มาอยู่ที่ราว 2.4-2.6 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่ายอดโอนจะเป็นไปตามเป้าที่ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท โดยในปี 60 บริษัทจะรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมด 4.13 หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดขายในปี 60 บริษัทตั้งเป้าอยู่ที่ 2.9-3.1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 35% จากราว 2.2 หมื่นล้านบาทในปีนี้ โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่ารวม 3.5-3.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 10 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุน 7 โครงการ และโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง 3 โครงการ และโครงการแนวราบอีก 7 โครงการ
โดยบริษัทมองภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 คาดว่าความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ยังมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนมาจากการลงทุนในระบบคมนาคมของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่ปีหน้าจะมีการลงทุนมากขึ้น ทำให้มีการขยายตัวของคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าออกไปมากขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปี 60 อยู่ที่ 1-1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการซื้อที่ดินรองรับการเปิดโครงการใหม่ในอนาคต ซึ่งบริษัทยังคงเน้นการซื้อที่ดินในกรุงเทพฯตามแนวรถไฟฟ้า โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้จะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดอายุในปี 60 จำนวน 2 ชุด ซึ่งหุ้นกู้ชุดแรกมูลค่า 4 พันล้านบาท จะครบกำหนดอายุในเดือนพฤษภาคม 60 และหุ้นกู้อีกหนึ่งชุดมุลค่า 1 พันล้านบาท จะครบกำหนดอายุในเดือนตุลาคม 60 พร้อมกับจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ขยายธุรกิจ
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.51 หมื่นล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 8.46 พันล้านบาท และในไตรมาส 4/59 บริษัทจะรับรู้รายได้จาก Backlog อีก 6.48 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัททำได้ตามเป้าหมาย
ขณะที่ยอดขายในปีนี้คาดว่าทำได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5% หรือมาอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะมีการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ออกไปจำนวน 3 โครงการ ทำให้มีจำนวนโครงการใหม่ในปีนี้ที่เปิดไปทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่า 2.06 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 11 โครงการ มุลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากภาวะปัจจัยภายในประเทศไม่เอื้ออำนวยต่อการเปิดโครงการใหม่ แต่ในแง่ของยอดขายโครงการใหม่ในปีนี้ที่เปิดไปถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดี