จากกรณีเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2559 ก.ล.ต. กล่าวโทษ นายศิร์วสิษฏ์ สายน้ำผึ้ง กรณีตกลงรู้เห็นร่วมกับบุคคลอีก 5 ราย ในการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์จำนวนหลายบัญชีเข้าซื้อขายหุ้น YCI ในลักษณะอำพรางเพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าหุ้น YCI มีการซื้อขายกันมาก โดยมีการซื้อขายอย่างต่อเนื่องในระหว่างวันที่ 10-27 กันยายน 2556 ทำให้ราคาและปริมาณซื้อขายหุ้น YCI ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยผู้สนับสนุน 2 ราย คือ นางสาวนพวรรณ สุวรรณ และนายวิโรจน์ อานกแก้ว ได้ให้ยืมใช้ชื่อในการซื้อขาย เพื่อสร้างราคาโดยได้รับค่าตอบแทนจากการดำเนินการดังกล่าวนั้น
การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 243(1)(2) ประกอบมาตรา 244 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อมาตัวการร่วมอีก 5 ราย ดังกล่าว คือ นายยรรยงค์ นางวรณัน นายภาณุรักษ์ นายจรรยา และนางสาวกรญฉัช ได้เข้ารับการพิจารณาเปรียบเทียบความผิดจากคณะกรรมการเปรียบเทียบ และเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2559 ได้ชำระค่าปรับตามคำสั่งคณะกรรมการเปรียบเทียบครบถ้วนทั้ง 5 ราย เป็นเงินรายละ 1,183,425 บาท
ทั้งนี้ ผู้ร่วมกระทำผิดส่วนใหญ่ได้เข้ารับการเปรียบเทียบความผิดในเรื่องดังกล่าวนั้น จึงเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักและเป็นประโยชนต่อการดำเนินคดีกับนายศิร์วสิษฏ์ นางสาวนพวรรณ และนายวิโรจน์ ที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษไปแล้ว และเนื่องจากนางสาวกรญฉัชเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน การกระทำดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน อันเป็นลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนด้วย
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนและกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนในคราวต่อไปของนางสาวกรญฉัช เมื่อพ้น 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2559
ก.ล.ต. ระบุเพิ่มเติมว่า กรณีของ YCI นี้ เป็นผลการดำเนินการที่เสร็จสิ้นก่อนที่พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฉบับที่ 5 มีผลใช้บังคับ