บมจ.ฐิติกร (TK) ยันความพร้อมในการเติบโต ตั้งเป้าการเติบโตไว้อย่างน้อย 5% และมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศจะขยายเพิ่มสาขาอีก 2-3 สาขา จากปัจจุบันมี 88 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกันกำหนดแผนการขยายงานในกัมพูชาที่จะเพิ่มสาขาอีก 3 สาขา ใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณไม่เกิน 20 ล้านบาท
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวว่า ตามแผนปี 63 บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% จากปีนี้ที่มีอยู่ไม่ถึง 2% และจะขยับเพิ่มเป็น 5% ในสิ้นปี 60 ทั้งนั้ การที่พอร์ตสินเชื่อตางประเทศจะเพิ่มขึ้นได้มาจากการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) และการซื้อกิจการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากิจการต่างประเทศ โดยมองทั้งในแถบประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา, และเวียดนาม) และนอกกลุ่ม CLMV
สำหรับแหล่งเงินทุนไม่มีปัญหาหากต้องซื้อกิจการเพราะปัจจุบัน อัตราหนี้สินต่อทุน (DE) เพียง 0.9 เท่า ก็สามารถระดมทุนเพื่อการนี้ได้ยังก่อหนี้ได้ราว 5 เท่า
ขณะที่บริษัทคาดว่าจะออกหุ้นกู้ในปี 60 ราว 1,000 ล้านบาท จากปีนี้มีออกไปค่อนข้างมากราว 2,000 ล้านบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังต่ำมากจึงต้องการล็อกต้นทุนไว้ ประกอบกับ ปีนี้มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนหลายชุด ปัจจุบัน บริษัทมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยที่ 4% โดยโครงสร้างเงินทุนเป็นหุ้นกู้ 70-80% ของเงินทุนทั้งหมด
"การขยายตลาดต่างประเทศเรามองประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดที่ตลาดรถมอเตอร์ไซด์เติบโตดี ยกเว้นมาเลเซีย บรูไน และสิงคโปร์ที่ไม่สนใจ ในปี 60 มองตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศยังโตได้อีกราว 5% แต่ปกติพอร์ตสินเชื่อของ TK จะโตได้มากกว่าอุตฯเล็กน้อย ส่วนในกัมพูชาและลาวตลาดมอเตอร์ไซค์ก็เติบโตพอสมควร"นายประพล กล่าว
ณ สิ้นปี 59 บริษัทคาดว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตได้ 8% จากปีก่อน หรือจบที่ 7,800 ล้านบาท และปีหน้าก็จะเติบโตอีก 5% ขณะที่รายได้รวมในปี 60 คาดว่าจะเติบโตได้ไม่เกิน 5% จากปีนี้ที่รายได้หดตัวราว 2-3% ซึ่ง 9 เดือนแรกของปีนี้รายได้ปรับลดลง 2-3% จากงวดเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว และพอร์ตสินเชื่อไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
"การซื้อกิจการมองต่างประเทศมากกว่าทั้ง CLMV และนอก CLMV ส่วนในประเทศปี 60 คาด GDP และเศรษฐกิจน่าจะโตได้ดีกว่าปีนี้ ปัจจัยบวก ท่องเที่ยวดีขึ้น สินค้าเกษตรดีขึ้นเพราะราคาน้ำมันลดลง แต่ราคาข้าวอาจจะดีขึ้นช้าหน่อย ฤดูเพาะปลูกปี 60 น่าจะไปได้ เมกะโปรเจกต์เริ่มประมูลรถไฟฟ้าในเมืองอาจไม่เร็วนัก แต่ก็กระตุ้นเศรษฐกิจได้หลายปี ก็เชื่อว่าตลาดมอเตอร์ไซค์จะโตได้ 5% ส่วนต่างประเทศปี 60 เบื้องต้นน่าจะมีสาขาที่กัมพูชาและลาวก่อน ส่วนประเทศอื่นยังไม่ชัดเจน"นายประพลกล่าว
นางสาวปฐมา กล่าวว่า ในช่วงปีนี้สภาพตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์เติบโต 4.4% จาก 1,293,465 คันเมื่อปีที่แล้ว มาเป็น 1,350,105 คันในปีนี้ โดย TK สามารถขยายลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ได้ 8.6% หรือเกือบ 2 เท่าตัวของอัตราการเติบโตรถจักรยานยนต์
TK เชื่อมั่นว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 60 มีแนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากปัจจัยบวกในหลายด้าน โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการแจกเงินผู้มีรายได้น้อยคนละ 1,500-3,000 บาท ซึ่งจะใช้งบประมาณ 19,290 ล้านบาท และยังมีโครงการการเบิกจ่ายเงินลง 74,655 หมู่บ้านทั่วประเทศ หมู่บ้านละ 2.5 แสนบาท ตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐประจำปีงบประมาณ 2560 และโครงการเติมเงินลงทุนจังหวัดและกองทุนหมู่บ้าน 1 แสนล้านบาท
และล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติข้อเสนอของกระทรวงการคลังในมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย หรือที่เรียกว่า “ช็อปช่วยชาติ" โดยให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2559 มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนธันวาคม โดยการกระตุ้นเหล่านี้ กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่าจะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 60 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4% จากปัจจุบัน 3%
"การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งยังไม่รวมถึงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ ทำให้ TK มีการเตรียมความพร้อมในการขยายการให้บริการสินเชื่อ โดยปี 59 TK ได้ออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี 4 ครั้ง ระดมเงินได้มากถึง 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำและคงที่ ช่วยในด้านต้นทุนและการขยายตัวในอนาคตและยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราสามารถรักษาระดับการแข่งขันในตลาดได้ด้วย" นางสาวปฐมา กล่าว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว TK ได้เข้มงวดกับคุณภาพลูกหนี้มาตลอด อีกทั้งยังมีการตั้งสำรองหนี้สูญไว้ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐาน และสำรองสูงกว่าลูกหนี้ค้างชำระเกิน 6 เดือน เกือบ 4 เท่าตัว อีกทั้งคุณภาพลูกหนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น ปี 60 TK มีความพร้อมในการเติบโต ซึ่งเราตั้งเป้าเติบโตไว้อย่างน้อย 5%
ณ ไตรมาส 3 ปี 59 บริษัทมีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 7,616.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จาก 7,252.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา บริษัทมีสินทรัพย์รวม 8,503.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จาก 8,283.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหนี้สินรวม 4,054.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4 % จาก 3,962.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีผ่านมา
นางสาวปฐมา กล่าวว่า ปัจจัยที่ควรจับตาในปี 60 ว่ารัฐบาลได้ประกาศนโยบายที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในปลายปี หากเป็นไปตามนั้นก็จะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่การเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ของโลก เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากถือเป็นคู่ค้าอันดับต้น ๆ ของเศรษฐกิจหลักทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย โดยนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐที่หาเสียงไว้ มีนโยบายกีดกันทางการค้า หากเป็นเช่นนั้นย่อมส่งผลกระทบทางด้านลบต่อประเทศคู่ค้าของสหรัฐอเมริกา แต่ประเทศไทยมีการส่งออกไปยังสหรัฐประมาณ 10% ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบไม่มากนัก
แม้ว่าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจทั่วโลกยังอยู่ในภาวะผันผวน แต่ TK ได้เตรียมตัวที่จะขยายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศจะมีการขยายเพิ่มสาขาอีก 2–3 สาขาในปีหน้าจากปัจจุบันที่มีอยู่ 88 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน TK ได้กำหนดแผนการขยายงานในประเทศกัมพูชาโดยจะเพิ่มอีก 3 สาขาในประเทศกัมพูชา ใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณไม่เกิน 20 ล้านบาท
การขยายไปต่างประเทศจะส่งผลดีต่อ TK ในระยะยาวเพราะตลาดประเทศเพื่อนบ้านมีการเติบโตสูง และช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา TK มีประสบการณ์ที่ดี เนื่องจาก 2 บริษัทลูกในราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2559 เป็นต้นมา อีกทั้งคุณภาพลูกหนี้ดีมาก ๆ ทำให้ TK มั่นใจที่จะขยายสาขาเพิ่มเติม