นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในปี 60 คาดว่าสินเชื่อจะมีการเติบโต 6.3% จากปีนี้ที่สินเชื่อเติบโต 3% มีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณออกมาลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ภาคเอกชนเกิดความมั่นใจและเริ่มมีการทยอยลงทุนตาม ทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว
ขณะที่เงินฝากจะมีการเติบโตมากขึ้นตามสินเชื่อ โดยมองว่าธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ จะมีการแข่งขันกันการระดมเงินฝากเพิ่มขึ้นในปี 60 และจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ก่อนที่ดอกเบี้ยเงินกู้จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นห่วงในปี 60 คือ ระดับของสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของทั้งระบบธนาคารพาณิชย์จะค่อย ๆ ขยับเพิ่มขึ้นและจะเพิ่มไปถึงจุดสูงสุดในช่วงกลางปี 60 โดยอยู่ที่ระดับ 2.8% ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ NPL จะขยับเพิ่มขึ้นหลังจากเศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 58 และคาดว่าเศรษฐกิจจะใช้เวลาฟื้นตัวราว 12-18 เดือน
นายบุญทักษ์ ยังประเมินว่า ค่าเงินบาทในปี 60 คาดว่าจะมีการอ่อนค่ามาอยู่ที่ 36 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 60 ซึ่งจะทำให้สิ้นปีหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯจะอยู่ที่ 1.25% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น เพราะกระแสเงินทุนจะไหลกลับไปสู่ตลาดสหรัฐฯ
ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเมื่อคืนนี้ที่ระดับ 0.25% มองว่าจะส่งผลให้เงินไหลกลับไปยังสหรัฐฯมากขึ้น ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นไปแล้ว 0.5% โดยกระแสเงินที่ไหลออกไปส่วนใหญ่ออกจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรในตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้สภาพคล่องในระบบลดลง แต่จะเห็นผลอย่างชัดเจนในปี 60
แต่สำหรับประเทศไทยนั้นยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่มาก เนื่องจากทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 1.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นระดับที่แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องสภาพคล่องในระบบที่ลดลงจากกระแสเงินไหลออกได้