นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เปิดเผยว่า เตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ทั้งหมด 6-7 บริษัท แบ่งเป็น mai 4 บริษัท และ SET 2-3 บริษัท ซึ่งมีในหลากหลายธุรกิจคือ อาหาร ยางรถยนต์ วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ดับเพลิง และอสังหาริมทรัพย์ โดยจะยื่นแบบแสดงคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ในช่วงไตรมาส 1/60 อย่างน้อย 1 บริษัท
"ภาพรวมในปี 59 IPO ในประเทศไทยมีราว 25 บริษัท แต่ในปี 60 เราเชื่อว่าจะมี IPO ไม่ต่ำกว่า 30 บริษัท ซึ่งเห็นได้จากหลายบริษัทมีการเตรียมพร้อมไว้ค่อนข้างมากแล้ว และเตรียมงบปีเพื่อที่จะเข้ายื่นเสนอขาย IPO ซึ่งเราก็เชื่อว่าตลาด IPO ในประเทศไทยที่ค่อนข้างแข็งแรง เราจึงเชื่อว่าจะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุน"นายสมภพ กล่าว
ในส่วนของประเทศลาว คาดว่าจะสามารถเสนอนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อย 2-3 แห่งในปี 60 โดยอยู่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโลจิสติกส์ สถานีบริการน้ำมัน และวัสดุก่อสร้าง
"เรามีความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ลาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะผลักดันให้มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาวครบ 25 บริษัทในปี 63 ตามเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นส่วนของ APMLAO ที่เป็นผู้ผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์อยู่ 15 บริษัทตามเป้าหมายที่วางไว้" นายสมภพ กล่าว
สำหรับในประเทศกัมพูชา บริษัทฯเตรียมจะยื่นเอกสารเพื่อที่จะขอใบอนุญาตเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในช่วงต้นปี 60 และคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในช่วงกลางปี ก่อนที่จะรับงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทที่ประกอบกิจการร้านกาแฟ เพื่อหวังที่จะผลักดันให้เข้าตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาได้ทันในช่วงปลายปี 60 และ ยังจะเข้าไปให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SMEs เกี่ยวกับการเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 50 บริษัท คาดหวังว่าจะมีบริษัทที่มีความสนใจจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น
"ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์กัมพูชามีบริษัทจดทะเบียนอยู่ทั่งหมด 4 บริษัท แบ่งเป็นธุรกิจ น้ำประปา สิ่งทอ และอีก 2 บริษัท คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนเรานั้นปัจจุบันเราก็ได้เตรียมตัว เตรียมเอกสารไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในช่วงต้นปี 60 เราก็คงจะยื่นเอกสารได้ทั้งหมด และคงจะได้รับใบอนุญาตเพื่อเป็น FA ได้ในช่วงกลางปี ซึ่งเราก็ได้มีการพูดคุยกับบริษัทในประเทศกัมพูชาไว้แล้ว หากเราได้ใบอนุญาตแล้วเราก็จะเริ่มทำงานโดยทันที ซึ่งเราก็คาดหวังที่จะผลักดันให้บริษัทเข้าจะทะเบียนได้ 1 แห่งในช่วงปลายปี" นายสมภพ กล่าว
นายสมภพ กล่าวต่อว่า ประเทศถัดไปที่บริษัทฯเตรียมตัวที่จะเข้าไปเป็น FA คือ ประเทศเมียนมาร์ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้ยื่นเอกสารไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในปี 60 บริษัทฯจะได้รับใบอนุญาตเป็น FA ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯได้เข้าไปเจรจากับผู้ประกอบการที่มีความสนใจจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ไว้แล้ว
ส่วนประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันบริษัทฯได้ส่งพนักงานเข้าไปรับการอบรมแล้ว 4 คน เพื่อที่จะเตรียมตัวสอบเพื่อขอใบอนุญาตการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งทางสิงคโปร์มีข้อจำกัดที่ต้องมีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างน้อย 2 คน จึงจะสามารถเปิดบริษัทได้ ดังนั้น ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจ
"เรามองว่านักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนในประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง ยังมีความสนใจบริษัทในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะหุ้น IPO ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีราคาไม่แพง มี P/E เพียง 8-10 เท่า และมีเงินปันผลอยู่ใกล้เคียงกับ 5% ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากระยะยาวยังสามารถเติบโตได้อีกมาก แต่ในเรื่องของสภาพคล่องนั่นยังคงต้องใช้ระยะเวลาบ้าง ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่มีบริษัทต่างๆเข้าจะทะเบียนมากขึ้นก็จะช่วยให้สภาพคล่องปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย"นายสมภพ กล่าว