นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร (TK) กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) เริ่มขยับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และจะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอีก 3 ครั้ง น่าจะส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลกเริ่มขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตาม สำหรับประเทศไทยคาดว่าอาจจะมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกเกือบ 70% ของ GDP ทั้งนี้ภาคการส่งออกหดตัวมาแล้ว 3 ปี และมีโอกาสสูงที่จะหดตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แต่มั่นใจว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปี 2559 เนื่องจากรัฐบาลเริ่มมีการประมูลโครงการใหญ่ๆ ทั้งรถไฟฟ้าในในกรุงเทพ, รถไฟรางคู่, รถไฟความเร็วสูง, การสร้างถนนเพิ่ม และการขยายสนามบินเพื่อรองรับการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องไปอีกหลายปี ยอมรับยังต้องเฝ้าระวังนโยบายประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากมีนโยบายกีดกันการค้า ซึ่งไทยมีสัดส่วนในการส่งออกประมาณ 10% ไปยังสหรัฐอเมริกา ถ้ามีผลกระทบคาดว่าจะไม่มีผลลบมากนัก
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวว่า การแข่งขันในด้านราคาหรือดอกเบี้ยจากคู่แข่ง น่าจะเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง เนื่องจากดอกเบี้ยมีทิศทางเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนทางการเงิน สำหรับผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ เพราะที่ผ่านมาเกือบ 10 ปี เป็นดอกเบี้ยขาลงทางเดียวมาโดยตลอด ทำให้การแข่งขันตัดดอกเบี้ยรุนแรงเป็นประวัติการณ์ มั่นใจ TK มี Debt To Equity Ratio หรือ D/E ที่ต่ำมากเพียง 0.9 เท่า ในขณะที่คาดธุรกิจการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9 เท่า อีกทั้ง TK มีเงินกู้ดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวถึง 94% ซึ่งจะทำให้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของ TK อยู่ในระดับที่ต่ำและพร้อมขยายธุรกิจในปี 2560
อนึ่ง กลุ่ม TK เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันมีพนักงาน กว่า 2,100 คน และมีสาขาบริการรวม 88 สาขา มีบริษัทลูกในประเทศ 4 บริษัท และต่างประเทศ 2 บริษัท คือในราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ โดยมีลูกค้าประมาณ 300,000 ราย