โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บีทีเอส โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป (BTS) มองว่าบริษัทจะมีผลประกอบการดีขึ้นในระยะยาว หลังจากได้รับคัดเลือกเป็นผู้ลงทุนและเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลืองช่วยหนุนผลประกอบการในระยะยาวเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังต้องติดตามตัวเลขผลตอบแทนและประมาณการจำนวนผู้โดยสารที่ชัดเจนหลังการลงนามสัญญากับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ราวเดือน เม.ย.60
นอกจากนี้ BTS ยังได้รับจ้างเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียว ทั้งช่วงแบริ่ง-สมทุรปราการ และ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ในปีงวดปี 60/61 อีกทั้งในงวดปี 61/62 จะเริ่มโอนโครงการคอนโดมิเนียม เดอะไลน์ จตุจักร -หมอชิต มูลค่าโครงการ 5.7 พันล้านบาท และ เดอะไลน์ ราชเทวี มูลค่า 2.9 พันล้านบาท รวม 8.6 พันล้านบาท โดย BTS รับรู้กำไรสัดส่วน 50%
ดังนั้น คาดงวดปี 61/62 จนถึงงวดปี 63/64 หรือในช่วง 3 ปี BTS จะมีอัตราการเติบโตของกำไรสูงเฉลี่ยปีละ 29% ก้าวกระโดดขึ้นมาระดับ 4 พันล้านบาท จากในงวดปี 59/60 และงวดปี 60/61 ยังมีฐานกำไรไม่มาก หรืออยู่ระดับ 2 พันล้านบาท
ราคาหุ้น BTS เมื่อเวลา 14.50 น.วันนี้อยู่ที่ 8.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (1.19%)
เอเชียพลัส ซื้อ 10.70 เมย์แบงก์กิมเอ็ง ซื้อ 10.54 บัวหลวง ซื้อ 10.50 ทรีนิตี้ ซื้อเก็งกำไร 9.73 ทิสโก้ ถือ 9.50 นักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส แนะ"ซื้อ"หุ้น BTS ที่ราคาเป้าหมาย 10.70 บาท เพราะเห็นว่าจะมีผลประกอบการดีในระยะยาว โดยจะมีกำไรเติบโตเห็นได้ชัดเจนในงวดปี 61/62 จากในช่วง 2 ปีนี้ คือ งวด 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) และงวดปี 60/61 (เม.ย.60-มี.ค.61) ยังมีฐานกำไรต่ำ ทั้งนี้ งวดปี 61/62 (เม.ย.61-มี.ค.62) จะเริ่มรับรู้รายได้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ ประมาณ 1,500 ล้านบาท และโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ BTS ร่วมทุนกับ บมจ.แสนสิริ สัดส่วน 50% จะมีการโอนเป็นส่วนใหญ่ โดยโครงการคอนโดมิเนียม เดอะไลน์ จตุจักร -หมอชิต มูลค่าโครงการ 5.7 พันล้านบาท และ เดอะไลน์ ราชเทวี มูลค่า 2.9 พันล้านบาท รวม 8.6 พันล้านบาท ซึ่ง BTS จะรับรู้เป็นกำไรสัดส่วน 50% นอกจากนี้ ในปี 62/63 จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-คูคต ขณะที่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอน ยังต้องรอการลงนามสัญญากับ รฟม.ในเดือน เม.ย. 60 จึงจะทราบผลตอบแทนโครงการ และคาดการณ์จำนวนผู้โดยสาร ซึ่งยังต้องติดตามต่อไป "กำไรของ BTS ตั้งแต่งวดปี 61/62 จะดีขึ้นเรื่อยๆ...ราคาหุ้นร่วงลงมาหลังประมูลได้ 2 โครงการ เพราะมองว่าได้มาแล้วจะสร้าง Value แค่ไหน มีความไม่แน่นอน ก็คงต้องรอดูในเม.ย.60 แต่ทั้งนี้ก็มองเป็นโอกาสผู้ลงทุนระยะยาว"นักวิเคราะห์ กล่าว ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิ ในงวดปี 61/62 จนถึงงวดปี 63/64 จะมีกำไรเติบโตอัตราเฉลี่ยปีละ 29% จากในงวดปี 59/60 ที่คาดว่าจะมีกำไร 2,087 ล้านบาท , งวดปี 60/61 อยู่ที่ 2,283 ล้านบาท, งวดปี 61/62 อยู่ที่ 3,075 ล้านบาท, งวดปี 62/63 อยู่ที่ 3,981 ล้านบาท และ งวดปี 63/64 อยู่ที่ 4,881 ล้านบาท นักวิเคราะห์จาก บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คงคำแนะนำ"ซื้อ"หุ้น BTS ราคาเหมาะสม 10.54 บาท/ หุ้น อิง SOTP โดยประเด็นการได้รับเลือกของกลุ่ม BSR ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และ สีเหลือง จะเป็นประเด็นบวกในระยะสั้นต่อราคาหุ้น ขณะที่ระยะยาวมองว่าเงื่อนไขการเจรจารายละเอียดโครงการจะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อผลตอบแทนและความเสี่ยงของผู้ถือหุ้น ซึ่งเราจะ update อีกครั้งเมื่อ BTS สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ อย่างไรก็ตาม BTS มีความพร้อมด้านทุน จะเห็นได้ว่าแผนการลงทุนรถไฟฟ้า 7 สายที่ได้เริ่มไปแล้ว 2 สายนั้น BTS มีความต้องการเงินทุนรวม 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งบนเงื่อนไข D/E ratio 2.5 : 1 นั้น BTS จะต้องใส่เงินส่วนทุนทั้งสิ้นราว 4.1 หมื่นล้านบาท บนสมมติฐานเบื้องต้นว่า BTS จะมีสัดส่วน 50% ใน BSR ก็จะทำให้ BTS จะต้องใส่เงินส่วนทุนรวมเพียง 2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเงินสดและเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 1.6 หมื่นล้านบาท และการมี BTS-W3 (ราคาแปลง 12 บาท จำนวน 3.9 พันล้านหน่วย) ในมือ ทำให้เรามองว่า BTS จะสามารถระดมทุนเพื่อก่อสร้างได้ไม่ยากเย็นนัก ขณะที่ บทวิเคราะห์ของ บล.บัวหลวง ระบุว่า BTS เป็นผู้ผ่านการประเมินสูงสุดทั้งสายสีชมพูและสายสีเหลืองจะส่งผลให้บริษัทมี upside ต่อประมาณการกำไรในระยะยาวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กอปรกับสร้างความประหลาดใจเชิงบวกต่อตลาดและน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้ม upside ต่อประมาณการกำไรจากสัญญาการรับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งคาดว่าจะเซ็นสัญญาในไม่ช้า และจากโครงการร่วมทุนที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ โดยปัจจุบัน BTS ซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นเดือน มี.ค.60 ที่ 2.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 2.2 เท่า ส่วนบทวิเคราะห์ของ บล.ทิสโก้ มอง upside ของรถไฟฟ้ามีจำกัด โดยได้รวมมูลค่าของรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองแล้ว สำหรับปี 60-62 และปรับประมาณการลง 15-23% จากรายได้ของสื่อที่ลดลงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าที่เหมาะสมคงเดิมที่ 9.5 บาท และราคาหุ้นที่ปรับตัวน้อยกว่าตลาด 22% YTD เราเชื่อว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไป เนื่องจากผลตอบแทนของพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น, เงินปันผลที่ลดลง และแนวโน้มผลประกอบการที่ลดลง จึงแนะนำเพียง “ถือ" อนึ่ง รฟม.ได้แจ้งว่าการเสนอราคาสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) โดยกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ประกอบด้วย BTS, บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) เป็นเอกชนผู้ผ่านการประเมินสูงสุด โดยคณะกรรมการจะเริ่มทำการเจรจารายละเอียดต่างๆ และคาดว่าโครงการนี้จะผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.60 และเซ็ญสัญญาในเดือน เม.ย.60 ทั้งนี้ คาดว่ารถไฟฟ้าทั้งสองสายจะเริ่มให้บริการในปี 63