นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะทรงตัวไปจนถึงอ่อนตัวลง เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ อันเป็นผลจากความวิตกกระแสเงินทุนจะไหลออก หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาดในปีหน้า แสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯอาจปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/59 ของสหรัฐประกาศครั้งที่ 3 สัปดาห์นี้ คาดว่าน่าจะยังออกมาดีขึ้น
นอกจากนี้ ภาพใหญ่ทั่วโลกไม่ได้มีประเด็นบวกใหม่เข้ามา ตอนนี้จึงต้องพึ่งปัจจัยในประเทศ โดยในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้น่าจะได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาช่วยหนุน พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี มองหุ้น Soft Commodity น่าจะช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง อย่างพวกราคาสินค้าเกษตร, ยางพารา น่าจะขยับขึ้นตามหุ้นในกลุ่มน้ำมัน และเหล็ก ที่ได้ปรับขึ้นไปแล้ว
พร้อมให้แนวรับ 1,518-1,507 จุด ส่วนแนวต้าน 1,532 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,843.41 จุด ลดลง 8.83 จุด (-0.04%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,437.16 จุด ลดลง 19.69 จุด (-0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,258.07 จุด ลดลง 3.96 จุด (-0.18%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 55.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 74.91 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 10.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.85 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.06 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ธ.ค.59) 1,522.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.86 จุด (+0.19%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,019.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ธ.ค.59) ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์ หรือ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ธ.ค.59) ที่ 6.28 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.82/83 แนวโน้มอ่อนค่า ลุ้นแตะ 36, ตลาดจับตาประชุม BOJ-กนง.สัปดาห์นี้
- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การบริหารเศรษฐกิจปีหน้าให้ขยายตัวได้เต็มศักยภาพ จะต้องใช้ทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจยังทำงานไม่เป็นปกติ โดยเฉพาะภาคเอกชนยังไม่ยอมลงทุน ภาครัฐจึงต้องเป็นตัวนำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้าต่อไป
- แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือน ม.ค.-เม.ย. 2560 โดยมีแนวโน้มเบื้องต้นอาจคงอัตราเดิม หรือลดอัตราค่าเอฟทีลงบ้างเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนได้เล็กน้อย เฉลี่ยไม่เกิน 5-6 สตางค์/หน่วย แม้สัญญาณค่าไฟฟ้าปีหน้าจะเป็นช่วงขาขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวก็ตาม
- เว็บไซต์เอบีซีนิวส์รายงานอ้างคำกล่าวของ นายรอส สมิธ เคิร์ก ประธานบริษัท คิงส์เกต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส ว่า บริษัทกำลังพิจารณาจะยื่นฟ้องรัฐบาลไทย เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากการที่รัฐบาลสั่งปิดเหมืองทองชาตรีโดยไม่มีการแจ้งเหตุผลเพียงพอ
- คลังชง ครม.วันอังคารนี้ อนุมัติมาตรการของขวัญปีใหม่เพิ่มเติม ให้แบงก์รัฐจ่ายเงินคืน-ลดดอกเบี้ยให้กับลูกค้าชั้นดี วงเงินกว่า 3 พันล้าน คาดประชาชนได้ประโยชน์ 4.6 ล้านคน ด้าน ธอส.กำหนดวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ได้เงินคืน 1 พันบาท
- นายกสมาคม บล.เผยไตรมาส 4 การระดมทุนเข้าสู่ภาวะปกติ แม้ไม่คึกเท่าปี 58 เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจในประเทศ เชื่อบริษัทที่ต้องการเม็ดเงินไปลงทุน รอจังหวะตลาดก่อนขายหุ้น ขณะการขายของนักลงทุนต่างชาติถือเป็นการปรับพอร์ตปกติ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานมูลค่าการชำระเงินผ่านระบบการชำระเงินและช่องทางต่างๆ เดือนก.ย.59 ว่าทั้งระบบมีมูลค่าการโอนชำระเงินทั้งสิ้น 35.47 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 4.73 ล้านล้านบาท หรือ 15.38% แบ่งเป็น การชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เมนต์) มูลค่า 30.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.76 ล้านล้านบาท หรือ 18.63% ส่วนอีก 5.17 ล้านล้านบาท เป็นการชำระผ่านการใช้เช็คลดลง 2.9 หมื่นล้านบาท หรือ 0.56%
*หุ้นเด่นวันนี้
- AP (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 8 บาท แม้ปรับยอด pre-sales ลงจากการชะลอเปิดตัวคอนโดฯ แต่การโอนคอนโดฯ 5 แห่งใน 4Q59 จะทำให้กำไรแข็งแกร่ง +108% y-y และ 208% q-q ที่ 1.4 พันล้านบาท
- KSL,STA (ฟินันเซีย ไซรัส) Soft commodity ได้รับผลบวกตามราคาน้ำมัน นับตั้งแต่ Trump ชนะเลือกตั้ง นอกจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พลิกกลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแล้ว Soft commodity ก็ปรับสูงขึ้นอย่างโดดเด่น แนวโน้มโภคภัณฑ์ที่ราคาจะดีขึ้นในปีหน้าคือน้ำตาล เราชอบ KSL ที่สุด แนะนำซื้ออ่อนตัว ส่วนระยะสั้นๆ ราคายางยังเด่น แนะนำเพียงเก็งกำไร STA
- EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 16 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลงมาเป็นโอกาสซื้อ เพราะคิดเป็น 2560PE 19 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรที่เติบโตอย่างยั่งยืน 14-15% ต่อปีในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า เท่ากับ PEG 1.3 เท่า ต่ำกว่าหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่มี PEG เฉลี่ย 1.8 เท่า บริษัทก้าวผ่านความเป็น commodity ไปแล้ว บรรจุภัณฑ์พลาสติกมีกำลังผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีประสิทธิภาพและได้ economy of scale ฉนวนยางกันความร้อน/เย็นซึ่งมีวัตถุดิบคือยางสังเคราะห์แต่ด้วยนวตกรรมทำให้ใช้วัตถุดิบน้อยแต่ได้ผลผลิตมาก นอกจากนี้ โรงงานในสหรัฐยังจะได้ประโยชน์จากนโยบาย Trump ลดภาษีจาก 35% เหลือ 15%
- PTTEP (โกลเบล็ก) เป้า 86 บาท (กำลังทบทวนประมาณการเชิงบวก) คาดกำไรปี 59 และ 60 อยู่ที่ราว 18,559 และ 24,826 ล้านบาท เติบโต 159% และ 34% ตามลำดับ หลังราคาน้ำมันดิบสร้างฐานในกรอบ 43-53 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับลดสมมติฐานต้นทุนการผลิตลงจากบริษัทปรับลดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้ดีกว่าคาด เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม และปัจจัยบวก-ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับ 52 ดอลลาร์สูงสุดในรอบ 17 เดือนหลังโอเปกมุ่งลดกำลังการผลิต และโกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ไตรมาส 2/60 สู่ 57.50 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 55 ดอลลาร์/บาร์เรล