โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) มองแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 มีโอกาสทำนิวไฮจากรับรู้รายได้ของบริษัท เมฆา-เอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่รับเหมาก่อสร้างงานระบบจะเข้าสู่จุดที่ทำกำไร และมีงานในมือ (Backlog) เข้ามาช่วยหนุน ขณะที่แนวโน้มปีหน้ายังได้รับผลบวกจากภาครัฐฯเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะรถไฟฟ้าหลายเส้นทางหนุนดีมานด์ท่อร้อยสายไฟเพิ่มขึ้น
ขณะที่คาดว่า ARROW จะได้รับผลกระทบไม่มากจากต้นทุนเหล็กที่ปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้ตุนสต็อกเหล็กไว้ล่วงหน้าบางส่วนแล้ว อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตในอนาคตจากตลาดยังมีคู่แข่งน้อยราย ประกอบกับ ราคาหุ้นยังมี Upside ที่น่าสนใจลงทุน
ราคาหุ้น ARROW พักเที่ยงวันนี้อยู่ที่ 16.80 บาท ลดลง 0.30 บาท (-1.75%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.04%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เออีซี ซื้อ 19.90 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 22.30 เอเอสแอล ซื้อ 19.00 นักวิเคราะห์ บล.เออีซี กล่าวว่า ARROW จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐฯในโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 โครงการมอเตอร์เวย์ รวมถึงโครงการย้ายสายไฟลงดิน ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)ที่มีแผนนำสายไฟลงดินอีกกว่า 1,000 กิโลเมตร ซึ่งช่วยหนุนให้ ARROW อยู่ในช่วงเดินหน้าทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยในปี 59 คาดว่า ARROW จะมีกำไรสุทธิ 276 ล้านบาท เติบโต 12.4% จากปีที่แล้ว และเติบโตอีก 18.1% ในปี 60 "แรงหนุนจากโครงการภาครัฐฯ ทำให้เราคาดว่า ARROW อยู่ในช่วงเดินหน้าทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เมื่อบวกกับราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ...จากราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 19.90 บาท อีกทั้งคาดจ่ายปันผลจากกำไรช่วงครึ่งหลังปีนี้อีกหุ้นละ 0.42 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.8% ทำให้ยังคงแนะนำซื้อ"นักวิเคราะห์ กล่าว บทวิเคราะห์ บล.เอเอสแอล ระบุว่า รายได้รวมของ ARROW จะเติบโตได้ราว 15% ต่อปี โดยมีแรงขับเคลื่อนจาก ความต้องการและยอดขายท่อร้อยสายไฟ ซึ่ง ARROW มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง และเป็นรายได้หลักของ ARROW นั้น ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากโครงการภาครัฐฯ เช่น โครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 โครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ และกลุ่ม Business to Business (B2B) เช่น การขยายตัวของกลุ่มคอนโดมิเนียม เป็นต้น การรับรู้ Backlog ที่เหลือกว่า 270 ล้านบาทในปีนี้ ,การรับรู้รายได้จากบริษัทลูกอย่าง เมฆา-เอส ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างงานระบบ โดยมองรายได้จากบริษัทดังกล่าวจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเนื่องจากในปี 60 จากโครงการภาครัฐจะมีมากขึ้นในด้านโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ทำให้แนวโน้มรายได้จากงานรับเหมามีโอกาสเติบโตสูง และรายได้จากส่วนธุรกิจสายไฟใต้ดินจะเริ่มเห็นชัดเจนหลังโรงงานแห่งใหม่เพิ่งดำเนินการผลิตไปในปีนี้ และคาดว่าจะสามารถรับงานนำสายไฟลงใต้ดินได้มากขึ้นในปีหน้า สำหรับในช่วงปีนี้ที่ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ ARROW ได้รับผลกระทบในเชิงลบเล็กน้อยจากต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว เนื่องจากบริษัทมีการตุนสต็อกเหล็กไว้ล่วงหน้า ทำให้ได้รับผลกระทบจำกัด ทั้งนี้ คาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้น ของ ARROW ในปีนี้ไว้ที่ 32% และ 31.5% ในปีหน้าตามลำดับ และคงอัตรากำไรสุทธิ ไว้ที่ระดับประมาณ 20% ในอีก 2 ปีข้างหน้าจากค่าใช้จ่ายที่ยังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเห็นว่า ARROW เป็นบริษัทที่มีเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับไม่มีหนี้สินระยะยาว ทำให้ไม่มีภาระดอกเบี้ยและไม่มีความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มกำไรของ ARROW ในไตรมาส 4/59 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระดับ 70.44 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 ซึ่งหมายถึงกำไรสุทธิของ ARROW จะทำจุดสูงสุดใหม่ทันที จากแรงหนุนทั้งการรับรู้รายได้ของบริษัทลูกที่เข้าสู่จุดทำกำไรและมี Backlog รอรับรู้รายได้อีกกว่า 150 ล้านบาท รวมถึงการเริ่มส่งมอบท่อเหล็กให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีเขียวส่วนต่อขยาย ขณะที่การกลับมาเพิ่มขึ้นของราคาเหล็กในต้นไตรมาส 4/59 อาจกระทบอัตรากำไรขั้นต้นบ้าง แต่คาดว่าจะเป็นไปอย่างจำกัด เพราะ ARROW ได้ล็อกต้นทุนล่วงหน้า 2-3 เดือน และส่วนแบ่งการตลาดที่ 65% ก็อยู่ในจุดที่สามารถผลักภาระบางส่วนให้ลูกค้าได้ นอกจากนี้ กำไรสุทธิของ ARROW ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในปีหน้าจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าที่มีมูลค่าในส่วนของท่อร้อยสายไฟราว 0.5-1.0% ของมูลค่าโครงการรวม เกือบ 2 แสนล้านบาทที่จะดำเนินการในปี 60 และโอกาสการเติบโตในอนาคตจากการรุกตลาดท่อร้อยสายไฟใต้ดินที่มีคู่แข่งน้อยราย ซึ่งจะทำให้ภาพการเติบโตกลับไปคล้ายปี 57-58 ที่กำไรสุทธิโตเฉลี่ย 40% ต่อปี จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย