นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำในช่วงนี้ อีกทั้งนักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนบ้างแล้วหลังเข้าใกล้เทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย
สำหรับการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 19-20 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยและไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) ก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และไม่มีผลอย่างใดต่อตลาดฯ
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราคงจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาดภูมิภาค เนื่องจากยังมีแรงหนุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามามากขึ้นในครึ่งหลังของเดือนนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,520-1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,528-1,532 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,883.06 จุด เพิ่มขึ้น 39.65 จุด (+0.20%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,457.44 จุด เพิ่มขึ้น 20.28 จุด (+0.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,262.53 จุด เพิ่มขึ้น 4.46 จุด (+0.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 23.76 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.18 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 65.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.74 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ธ.ค.59) 1,522.40 จุด ลดลง 0.11 จุด (-0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 75.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ธ.ค.59) ปิดที่ 52.12 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ธ.ค.59) ที่ 6.82 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.88/90 คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.80-35.95 รอติดตามผลประชุม BOJ วันนี้
- นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า ประเมินว่าปีนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไทยน่าจะโตได้ 3.1% เพิ่มขึ้น 2.5% ที่คาดไว้เดิม และปี 2560 จะโตได้ 3.2% เพิ่มจาก 3.1% ที่คาดไว้เดิม
- คลังเตรียมเสนอ ครม.วันนี้ พิจารณาอนุมัติมาตรการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้แบงก์รัฐจากการปล่อยกู้รีไฟแนนซ์สินเชื่อนอกระบบให้กลับมาอยู่ในระบบสถาบันการเงิน "ผอ.ออมสิน" ระบุปีหน้าเตรียมขยาย Banking Agent ผ่านสถาบันการเงินชุมชน-กองทุนหมู่บ้านเพิ่ม ทำหน้าที่รับฝาก-ถอน-โอนเงิน-จ่ายค่าสินค้าและบริการแทนออมสินในเขตพื้นที่ห่างไกล
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยทิศทางภาคอุตสาหกรรมปี 2560 คาดว่าน่าจะมีแรงส่งที่ดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่น่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากปี 59 จากการลงทุนภาครัฐและภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชนจะเติบโตได้ตามการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่เม็ดเงินลงทุนจะเข้าสู่ระบบมากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย การส่งเสริมการลงทุนภายใต้แผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) การส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับประเทศเข้าสู่ 4.0 ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถขยายตัวได้ดีขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- VGI (เคจีไอ) เป้า Consensus 4.98 บาท ราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่มสื่อโฆษณานอกบ้านอย่าง PLANB (วานนี้ +6.4%) และ บริษัทลูกอย่าง MACO (วานนี้ +8.3%) ขณะที่ VGI -1% พร้อมประเมินแนวโน้มการบริโภคในประเทศฟื้นตัว โดยเฉพาะช่วงปลายปี จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐฯ และการกระตุ้นการท่องเที่ยว และ PE ปีหน้า 31.5 เท่า ต่ำกว่า PLANB ที่ 34 เท่า ข้อมูล Bloomberg consensus นอกจากนี้ คาดแนวโน้มเติบโตในระยะยาวจากพื้นที่โฆษณาที่จะเพิ่มขึ้น (บริษัทร่วมทุน ที่ BTS ถือหุ้นใหญ่ได้สัมปทานรถไฟฟ้าสีชมพู+เหลือง)
- PTTEP (ไอร่า) เป้าปีหน้า 95 บาท ราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดอยู่ที่ 52.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และคาดมีโอกาสปรับขึ้นภายใต้ความกังวลเอกอัครราชฑูตรัสเซียประจำตุรกีถูกยิงเสียชีวิตในตุรกี แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบ 4Q/59 ที่ 45-55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่วนผลงานของ PTTEP ในปี 60 จะรับมือกับราคาน้ำมันดิบลดลงได้จากการทำ hedging 30% ของการผลิต ขณะที่ราคาก๊าซจะลงมาต่ำสุดในช่วง Q1/60 และคาดตัวดีขึ้นใน Q2/60 เป็นต้นไป พร้อมคาดรายได้ปีหน้าโต 8% และกำไรโต 17% ปันผล 2.63 บาท คิดเป็น Div.Yield ราว 3%
- SAPPE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 41 บาท ขายหุ้น 51% ใน PT.Sappe Indonesia ให้ผู้ก่อตั้งร่วมในราคาทุนคือ 82 ล้านบาท ดีลนี้เป็นบวกแม้ไม่มีกำไรพิเศษเพราะขายเท่าทุน แต่ไม่ต้องแบกภาระขาดทุนที่มีมาหลายปี แต่ PT.Sappe Indonesia ยังเป็นผู้นำเข้าและขายสินค้าของ SAPPE อย่างเป็นทางการเพียงผู้เดียวตามเดิม หากบวกกลับผลขาดทุน 23 ล้านบาท ประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ของ SAPPE จะเพิ่มขึ้น 5% เป็น 494 ล้านบาท (+24.7% Y-Y)
- APCO (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 1.89 บาท รับแรงหนุนการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายและกระแสตอบรับที่ดีขึ้นจากลูกค้าหลังเพิ่มการประชาสัมพันธ์และช่องทางจัดจำหน่าย อีกทั้งได้อานิสงส์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ จึงคาดปี 59 กำไรโต 20.8%YoY และโตต่อ 10.6%YoY ในปี 60 และ มี Upside 13.9% และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 2.3%