นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา Managing Director และ Chief Investment Officer บลจ.บัวหลวง (กองทุนบัวหลวง) กล่าวว่า กองทุนบัวหลวง มอง Investment Theme สำหรับปีนี้ คือ"ชีวิตสบายด้วยเทคโนโลยี ชีวิตดีด้วยพลังงานสะอาด" จากแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ๆ และค่านิยมของคนหนุ่มสาวยุคใหม่จำนวนมากมีความต้องการเป็นผู้ประกอบการ และนั่นทำให้เกิดการคิดค้นสินค้า บริการ รูปแบบใหม่ ๆ หรือการสร้างสรรค์ช่องทางการเข้าถึงสินค้าใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่มีการพัฒนา ก็เป็นตัวเร่งให้รูปแบบการทำธุรกิจในแทบจะทุกอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การอุปโภคบริโภค บริการด้านการเงิน การแพทย์ การค้าปลีก สื่อและความบันเทิงต่าง ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแม้เทคโนโลยีนั้นเป็นทั้งโอกาสของโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็อาจเป็นความเสี่ยงสำหรับธุรกิจแบบดั้งเดิมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เทคโนโลยียังเป็นตัวที่ช่วยขจัดความไม่มีประสิทธิภาพของธุรกิจแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นด้านการลดต้นทุนของทั้งบริษัทและตัวลูกค้าเอง การเพิ่มขอบเขตในการทำธุรกิจและการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ซึ่งในที่สุด ผู้บริโภคจะเป็นคนที่ได้รับประโยชน์โดยตรง จึงเป็นที่มาของวลี "ชีวิตสบายด้วยเทคโนโลยี" และเป็นอีกหัวใจสำคัญที่ทางกองทุนบัวหลวงนำมาใช้ในการช่วยหาแนวคิดและวิเคราะห์การลงทุน
นอกจากนี้การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ยังเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง จับต้องได้จริง ทำให้มองว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอนาคต โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เช่น แสงอาทิตย์ ลม นั้นลดลงอย่างมาก ทำให้เกิดการเร่งลงทุนในโรงไฟฟ้าประเภทนี้มากมายโดยเฉพาะในประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่กำลังผลิตไฟฟ้ายังมีไม่เพียงพอต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และในที่สุด พลังงานสะอาดนั้นอาจจะมีต้นทุนที่แข่งขันโดยตรงกับพลังงานรูปแบบเดิมก็เป็นได้
นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอร์รี่ให้มีต้นทุนต่ำลงจนเริ่มมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการพาณิชย์ จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ภาครัฐสามารถเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้มากขึ้น เพราะจะสามารถแก้ไขความเสี่ยงของความไม่สม่ำเสมอในการจ่ายไฟของโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ ทำให้เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบด้านพลังงานจากภาครัฐมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นโอกาสให้กับผู้ประกอบการที่มีความพร้อมกับแนวทาง "ชีวิตดีด้วยพลังงานสะอาด"
นายพีรพงศ์ กล่าวอีกว่า การวิเคราะห์ธุรกิจโดยนำปัจจัย ESG (Environment / Social Responsibility / Good Governance) ยังเป็นสิ่งที่กองทุนบัวหลวงให้ความสำคัญอยู่เสมอ เมื่อประกอบการการเลือกลงทุนในธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ น่าจะช่วยเกื้อหนุนต่อผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนบัวหลวงด้วยเช่นกัน
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงให้ความสำคัญเรื่องการส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีวินัยในการออมกับการลงทุน มีความรู้ความเข้าใจในทางเลือกของการลงทุนระยะยาว และเข้าใจแนวทางการบริหารกองทุนก่อนจะลงทุน ที่ผ่านมา กองทุนบัวหลวงสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีได้ต่อเนื่องในระยะยาว
"การลงทุนที่หวังผลได้สูง ๆ ในเวลาเพียงปีเดียวจะไม่ง่ายเหมือนในอดีต เพราะประเทศกำลังปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้มีกำลังส่งในรอบใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลา ผู้ลงทุนต้องเข้าใจและมีความอดทนมุ่งมั่นในการรอคอย เหมือนปลูกมะม่วงในวันนี้ มิอาจให้ผลได้ในเวลาเพียงปีสองปี ซึ่งเมื่อมีระยะเวลาลงทุนยาวนานพอก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนลงได้ และจะได้รับโอกาสดีที่จะได้รับผลตอบแทนที่น่าพึงใจจากกำลังส่งจากโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจใหม่ ๆ ในระยะยาว"นางวรวรรณ กล่าว