นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ตลาดได้ปัจจัยบวกในเรื่องราคาน้ำมันที่สูงขึ้น บวกกับปัจจัยเดิมๆ คือ แรงกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเห็นผลชัดๆ ในปีหน้า และแรงซื้อหุ้นของกองทุน LTF-RMF ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯ วันนี้ มีโอกาสที่จะเกิด Technical rebound มองกรอบดัชนีที่ 1,500-1,522 จุด
แต่ปัจจัยลบที่สำคัญ คือ ความกังวลในเรื่องการอ่อนค่าของเงินบาท และเงินสกุลเอเชียอื่นๆ จะทำให้ตลาดขาดแรงซื้อ ภาพดัชนีฯ จึงมองว่าจะมีความผันผวนสูง จากการขัดแย้งของปัจจัยบวกและลบ
ทิศทางตลาดต่างประเทศคืนที่ผ่านมา ตลาดเคลื่อนไหวด้วยปัจจัยเดิม คือผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังดีต่อเนื่อง แต่ค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นต่อ โดย 2 เหตุการณ์ร้ายที่ประเทศตุรกีและเยอรมันวันก่อน อาจมีผลอยู่บ้างในช่วงแรกๆ ที่เกิดเหตุการณ์ แต่ไม่ได้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลง ผลกระทบที่มีมาถึงตลาดเอเซีย คือ ค่าเงินที่อ่อนค่าลง
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบพลิกมาบวก หลังตัวเลข stock น้ำมันดิบสหรัฐฯ รายงานโดย API ว่าลดลง 4.15 ล้านบาร์เรล และนักวิเคราะห์มองราคาน้ำมันดิบปีหน้า (2560) ในทางบวกต่อจากปีนี้ เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี
ส่วนปัจจัยในประเทศ การประชุม ครม.วานนี้ มีหลายเรื่องที่ผ่านความเห็นชอบ ส่วนใหญ่จะเป็นมาตรการเฉพาะกลุ่ม อาทิ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ธนาคารของรัฐฯ มาตรการช่วยผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล วันนี้ คงต้องมาดูว่า การประชุม กนง.ของไทย ซึ่งจะทราบผลในช่วงบ่าย ว่าจะคงนโยบายทางการเงินไว้ ที่ 1.50% หรือไม่
กลยุทธ์การลงทุนตลาดอาจผันผวนมากขึ้น แต่กรอบน่าจะยังเป็น sideway ซึ่งจะเหมาะกับการเก็งกำไรช่วงสั้นๆ แบบลงซื้อขึ้นขายในหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวมากกว่า สำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ PTTEP,HMPRO,TOG,VGI,UNIQ