นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 125 (KTFF125) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ China Construction Bank Corporation Limited,Emirates NBD PJSC (Singapore Branch) และ Commercial Bank of Qatar อัตราผลตอบแทนของทั้ง 3 สถาบันการเงินเท่ากันอยู่ที่ 1.85%ต่อปี ส่วนเงินฝากประจำ Ahli Bank QSC อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.90% ต่อปี และเงินฝากประจำ First Gulf Bank PJSC อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.80% ต่อปี
โดยสัดส่วนการลงทุนสถาบันการเงินละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนมีค่าใช้จ่ายประมาณ 0.25% ต่อปี ดังนั้น ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.60% ต่อปี ซึ่งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ทั้งนี้ หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้
"ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลของกองทุนรวม ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน นโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม และผลการดำเนินงานของกองทุนรวมที่เปิดเผยไว้ในแหล่งต่างๆ หรือขอข้อมูลจากบุคคลที่ขายหน่วยลงทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน/ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต"นางชวินดากล่าว
ทิศทางตลาดหุ้นปีหน้าคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มที่ดี นักลงทุนมีการปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เพราะรับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยคาดกว่าดัชนีในปีหน้าจะอยู่ที่ 1,670 จุด ดังนั้น ในช่วงเวลานี้จนถึงสิ้นปีคาดกว่าดัชนีจะอยู่แถวๆ 1,500 จุด บวกลบไม่มากนัก
นักลงทุนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจลงทุนในกองทุน LTF/RMF ในช่วงเวลานี้น่าสนใจ เพราะตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และเป็นโอกาสการลงทุนใน LTF/RMF รอบสุดท้ายของปี เนื่องจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างประเทศ ความกังวลต่อการก่อการร้ายในเยอรมันและ ตุรกี และปัจจัยกระทบจากค่าเงินที่อ่อน ส่งผลให้มีเงินไหลออกไปสู่ตลาด Emerging market แต่อย่างไรก็ตาม การไหลออกของเงินลงทุนค่อนข้างจำกัด
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนใน LTF/RMF โดยบลจ.กรุงไทย มีหลายกองทุนที่น่าสนใจและสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC เช่น กองทุนเปิดกรุงไทยผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF1) เน้นลงทุนในหุ้นผสมตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในแต่ละขณะ ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2559 1 ปี อยู่ที่ 13.25% 5 ปีอยู่ที่ 44.08% และ 10 ปี อยู่ที่ 176.93% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC 1 ปีอยู่ที่ 10.00% 5 ปี อยู่ที่ 32.25% และ 10 ปี อยู่ที่ 74.32%
หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ขอแนะนำกองทุนเปิดกรุงไทย คอนเซอเวทีฟ 25/75 เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT25/75RMF) เน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 25% ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนนย้อนหลัง 1 อยู่ที่ 12.06% และ YTD อยู่ที่ 11.02% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC 1 ปี อยู่ที่ 5.19% และ YTD อยู่ที่ 5.07% กองทุนนี้จัดตั้งกองทุนในเดือนธันวาคมปี 2557
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KTLF) เป็นกองทุนที่ Morningstar จัดอันดับให้เป็นหนึ่งในกองทุนที่มีค่า Batting Average สูงติดอันดับในรอบ 3 ปี 5 ปี และ 10 ปี โดยกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนชนะดัชนีชี้วัด (Benchmark) ได้อย่างสม่ำเสมอ กองทุนนี้เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 18.57% 5 ปี อยู่ที่ 60.79% และ 10 ปี อยู่ที่ 205.74% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดย 3 ปี อยู่ที่ 11.62% 5 ปี อยู่ที่ 47.61% และ 10 ปี อยู่ที่ 106% กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นักลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 บริษัทมีกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว SET 50 (KSET50LTF) เน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SET50 และผลตอบแทนอ้างอิงดัชนี SET50 แต่บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 18.05% 3 ปี อยู่ที่ 10.45% และ5 ปี อยู่ที่ 48.40% ส่วนเกณฑ์มาตรฐาน AIMC 1 ปี อยู่ที่ 14.87% 3 ปี อยู่ที่ 2.14% และ 5 ปี อยู่ที่ 31.47%