นางทรงศรี ศรีรุ่งเรืองจิต กรรมการผู้จัดการ บมจ.วินท์คอม เทคโนโลยี (VINTCOM) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ ออราเคิล และผู้นำในการให้บริการและคำปรึกษาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีแผนจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงไตรมาส 2/60 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ในช่วงไตรมาส 4/60 โดยมีบริษัท แอ็ดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA)
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา (CLM) เป็นการขยายฐานลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น และเป็นการกระจายความเสี่ยงของรายได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปจัดตั้งสำนักงานในเมียนมาและกัมพูชา อย่างละ 1 แห่ง ขณะที่ลาว ยังใช้ฐานจากประเทศไทยในการส่งสินค้า ซึ่งทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 5-6%
หลังจากที่เข้าตลาดแล้วบริษัทจะมีการตั้งสำนักงานขายอย่างเป็นทางการเพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจ โดยวางเป้ารายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 20% ภายในปี 61-62 และจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไม่น้อยกว่า 50% ในปี 64 ตามการขยายสาขา และการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้น่าจะเติบโตมาที่ 1,000 ล้านบาท และปี 60 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นแตะ 2,000 ล้านบาท จากการบันทึกงบการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนเข้ามา คือ บริษัท วีเซิร์ฟพลัส จำกัด (V serve plus) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการด้านไอทีอย่างครบวงจร หลังจากบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 51% คาดว่าจะดำเนินรวมงบการเงินจะแล้วเสร็จได้ในช่วงไตรมาส 1/60
อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้ารายได้ในปี 64 จะเติบโตเป็น 3,000-4,000 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศ อีกทั้งบริษัทร่วมทุน วีเซิร์ฟพลัส ก็น่าจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายสาขาไปยังหัวเมืองใหญ่และในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาแล้ว 20 สาขา และมีแผนเข้ารับงานให้บริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ไอทีต่างๆ มากขึ้น จากเดิมให้บริการซ่อมบำรุงเกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เท่านั้น จึงน่าจะทำให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างมั่นคงได้ในอนาคต
บริษัทฯมองอุตสาหกรรมในปีหน้า น่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง ตามการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายเกี่ยวกับประเทศไทย 4.0 ส่งผลทำให้บริษัทขนาดใหญ่ และหน่วยงานภาครัฐ มีการผลักดันการลงทุนค่อนข้างมาก เพื่อตอบรับกับนโยบาย โดยปัจุบันบริษัทมีลูกค้ามาจากประเภทองค์กร คือ ผู้รวบรวมระบบงาน (system integrators) และผู้ใช้งานทั่วไป (end users) ประเภทองค์กรขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวบริษัทฯยังมีงานในมือ (Backlog) ราว 200 ล้านบาท คาดจะสามารถติดตั้งและรับรู้รายได้ทั้งหมดในไตรมาส 1/60
ผลประกอบการของบริษัทฯในช่วง 3 ปีย้อนหลัง โดยในปี 58 มีรายได้อยู่ที่ระดับ 831.77 ล้านบาท,ปี 57 มีรายได้ 682.99 ล้านบาท และปี 56 มีรายได้ที่ 744.89 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายและการบริการ
อนึ่ง บริษัทฯ ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ ยี่ห้อออราเคิล และ ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตระบบเทคโนโลยีสารสนเทศระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ในรูปแบบลักษณะการขายแบบโซลูชั่น เช่น คอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หน่วยเก็บข้อมูล อุปกรณ์ระบบเครือข่าย และระบบฐานข้อมูล มิดเดิ้ลแวร์ โปรแกรมระบบงาน และโปรแกรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีการบริการบำรุงรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการดำเนินธุรกิจ การบำรุงรักษาป้องกัน และการบำรุงรักษาแบบแก้ไข รวมทั้งการปรับปรุงหรือโอนย้ายฐานข้อมูล การโอนย้ายระบบงาน การปรับค่าตัวแปรต่างๆของระบบ เป็นต้น
"เรามั่นใจว่ายังไม่มีบริษัทจดทะเบียนไหน ที่ประกอบธุรกิจเหมือนเรา ซึ่งหากมองไปถึงคู่แข่งในประเทศ ก็บอกได้ว่ามีเพียง 2 รายเท่านั้น และเราถือว่ามีจุดแข็ง และมีฐานลูกค้าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยจุดแข็งของเรา คือ เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ ให้กับพารทเนอร์ระดับประเทศ และเป็นผู้วางระบบหลังบ้านให้แก่องค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงเป็นผู้ให้บริการด้านไอที ที่ครอบคลุมบริษัทฯในประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ"นางทรงศรี กล่าว