นายแดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืน บมจ.ไทยยูเนี่ยน (TU) แจ้งว่า บริษัทร่วมงานเสวนาในหัวข้อการจ้างงานอย่างมีจริยธรรมและกฎหมายใหม่เรื่องการจ้างแรงงานข้ามชาติของประเทศไทย ซึ่งจัดโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) โดยงานเสวนาดังกล่าวเน้นหารือถึงวิธีการนำกฎหมายใหม่มาใช้กับการดำเนินงานและการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บริษัทได้นำเสนอรูปแบบการรับสมัครงานตรง ซึ่งพัฒนาร่วมกับเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (Migrant Workers Rights Network: MWRN) โดยมีการใช้จริงในปี 59 เป็นตัวอย่างแนวทางการปฏิบัติที่ดี นอกจากนี้ ดร.แมคเบน ยังได้ให้แนวทางถึงวิธีการที่ผู้นำอุตสาหกรรมในภาคธุรกิจอื่นสามารถทำตามแนวทางของไทยยูเนี่ยนในการใช้กลไกการจ้างงานตรงซึ่งมีโปร่งใสมากขึ้นได้
"ผลการวิจัยของ MWRN และฟินน์ วอทช์ ระบุว่า แรงงานข้ามชาติมักประสบกับการถูกเลือกปฏิบัติ รวมทั้งประสบกับอุปสรรคด้านภาษาในการสื่อสาร และค่านายหน้าหางานในอัตราสูง"นายแมคเบน กล่าว
เมื่อตระหนักถึงปัจจัยเหล่านี้ ไทยยูเนี่ยนจึงได้ดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าแรงงานข้ามชาติจะได้รับสัญญาจ้างงานเป็นภาษาของตนเอง และดำเนินนโยบายการจ้างงานโดยปราศจากค่านายหน้าทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังได้ใช้นโยบายที่เข้มงวดต่อต้านการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ
ในช่วงก่อนปี 59 ไทยยูเนี่ยน ได้ทำงานร่วมกับ MWRN ริเริ่มโครงการแจงสิทธิประโยชน์แรงงาน เพื่อให้ความรู้กับแรงงานอย่างเป็นทางการถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกเขา รวมถึงกฎหมายแรงงานไทย และกฎระเบียบเรื่องสวัสดิการสังคม ในปีนี้ โครงการการทำงานร่วมกับ MWRN ได้ขยายขอบเขตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นที่มาของการประกาศนโยบายการจ้างแรงงานข้ามชาติอย่างมีจริยธรรมทั่วโลก นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังทำงานร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน อาทิเช่น สถาบันอิศรา และเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน
อนึ่ง องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน เป็นเจ้าภาพงานเสวนาในครั้งนี้ร่วมกับกระทรวงแรงงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากสภาองค์กรนายจ้างแห่งประเทศไทย และผู้นำอุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงไทยยูเนี่ยน โดยมีตัวแทนจากสมาคมต่างๆ ในอุตสาหกรรม บริษัทต่างๆ บริษัทจัดหางาน ตัวแทนจากภาครัฐ ตัวแทนแรงงาน เอกอัครราชทูตและตัวแทนจากสถานทูตต่างๆ จากประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และประเทศเวียดนาม และอื่นๆ เข้าร่วมงาน