กองทรัสต์ SRIPANWA พร้อมเทรด 23 ธ.ค.ชูจุดเด่นทรัพย์สินทำเลดีหนุนผลตอบแทนคุ้มค่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 22, 2016 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SRIPANWA) เปิดเผยว่า หน่วยลงทุนของทรัสต์ SRIPANWA พร้อมเข้าจดทะเบียนซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 23 ธ.ค.นี้

SRIPANWA ได้เสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (กองทุนรวม SPWPF) นักลงทุนทั่วไปที่เป็นผู้มีอุปการคุณของเจ้าของทรัพย์สินและบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์และนักลงทุนสถาบัน ในราคาหน่วยละ 10.80 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน

รวมทั้งการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SPWPF) กับหน่วยทรัสต์ SRIPANWA จากการแปลงสภาพกองทุนรวม SPWPF เป็นกองทรัสต์ SRIPANWA โดยมูลค่ากองทรัสต์ SRIPANWA ณ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ที่ 11.3121 บาทต่อหน่วย เท่ากับ 3,157 ล้านบาท

ทั้งนี้ SRIPANWA ถือเป็นทรัสต์กองแรกที่แปลงสภาพจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยได้แปลงสภาพมาจากกองทุนรวม SPWPF เพื่อรองรับการลงทุนเพิ่มเติมในสินทรัพย์หรือขยายขนาดสินทรัพย์ เพิ่มผลตอบแทนและเพิ่มสภาพคล่องของกองทรัสต์ โดยได้เข้าซื้อและรับโอนทรัพย์สินที่ลงทุนครั้งแรกในกองทุนรวม SPWPF ได้แก่ โครงการโรงแรมส่วนที่ 1 จำนวน 45 ยูนิต ที่ประกอบด้วยบ้านพักแบบวิลล่าหรูและห้องพักโรงแรมหรูพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว

พร้อมทั้งเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ได้แก่ โครงการโรงแรมส่วนที่ 2 ซึ่งเป็นห้องพักโรงแรมหรู 2 อาคาร จำนวน 30 ห้องพัก ในอาคารเดอะฮาบิตะ และบ้านพักตากอากาศ X29 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น บนที่ดินรวม 6 ไร่ 50.6 ตารางวา ในจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก

"เชื่อว่าทรัสต์ SRIPANWA จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากการเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินของโครงการโรงแรมศรีพันวา มีจุดเด่นด้านที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร จึงมีโอกาสที่มูลค่าทรัพย์สินของกองทรัสต์จะปรับเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

นอกจากนี้ โรงแรมศรีพันวายังมีชื่อเสียงด้านการให้บริการและบริหารงานโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในธุรกิจโรงแรม โดยจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและมั่นคง ด้วยค่าเช่าคงที่ที่จะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอนาคต ผลตอบแทนจึงเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนการลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐบาลหรือเอกชน การลงทุนใน REIT รวมถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่เข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียวกัน โดย ณ ราคาเสนอขายที่หน่วยละ 10.80 บาท มีประมาณการอัตราผลตอบแทนในปีแรกเท่ากับร้อยละ 6.75"นางสาววีณา กล่าว

นายวรสิทธิ อิสสระ ประธานกรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์ ผู้จัดการกองทรัสต์และผู้เสนอขายหน่วยทรัสต์ กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพและความโดดเด่นของทรัพย์สินที่ทรัสต์ SRIPANWA เข้าลงทุน ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังการใช้จ่ายระดับบน โดยห้องพักแบบพูลสวีทและเพนท์เฮาส์ จำนวน 30 ห้องพัก ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ทรัสต์จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 มีจุดเด่นที่สามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันได้ทุกห้อง และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อห้องที่ต่ำกว่าทรัพย์สินที่ลงทุนในครั้งแรก จึงสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าได้กว้างมากขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด (SPM) ซึ่งเป็นผู้เช่าทรัพย์สินที่ลงทุนครั้งแรกและจะเป็นผู้เช่าทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 เป็นบริษัทในกลุ่ม บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 27 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญและรู้จักทรัพย์สินในโครงการศรีพันวาเป็นอย่างดี โดยผลการดำเนินงานของโครงการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของทรัพย์สินที่เข้าลงทุนครั้งแรกนั้น ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 13

ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่ทรัสต์ SRIPANWA เข้าลงทุน ยังได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากภาพรวมธุรกิจโรงแรมและการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดภูเก็ตในอนาคต โดยพบว่าในปีที่ผ่านมาอัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับ 5 ดาวในจังหวัดภูเก็ต ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 71 (ปี 2557 อยู่ที่ร้อยละ 69) ส่วนในปี 2559 นั้นคาดว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 75 ซึ่งมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการโปรโมทจากภาครัฐ ขณะที่ภาครัฐมีโครงการและแผนงานลงทุนต่างๆ อาทิ การลงทุนขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับผู้โดยสารเป็น 12.5 ล้านคนต่อปี จากเดิม 6.5 ล้านคนต่อปี โครงการลงทุนรถไฟฟ้ารางเบา (โมโนเรล) จากท่านุ่น-สนามบิน-ห้าแยกฉลอง ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2560 ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวภูเก็ตในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ