นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในลักษณะซึมตัวลง เนื่องจากแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติยังคงมีอยู่ และบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกก็เป็นลักษณะชะลอการซื้อ อีกทั้งตลาดฯก็ขาดปัจจัยชี้นำ
อย่างไรก็ดีเมื่อดัชนีฯซึมตัวลงมาแถว 1,500 จุด ก็มีโอกาสที่จะดีดกลับขึ้นไปได้ และตลาดฯก็ยังได้แรงหนุนจากกองทุน รวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อยู่ เพียงแต่ปีนี้เม็ดเงินเข้ามาช้ากว่าที่คิดไว้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อยเฉลี่ยราว 0.2-0.3% พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,495 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510-1,512 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,918.88 จุด ลดลง 23.08 จุด (-0.12%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,447.42 จุด ลดลง 24.01 จุด (-0.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,260.96 จุด ลดลง 4.22 จุด (-0.19%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 82.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 6.42 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 12.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.11 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ์
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ธ.ค.59) 1,504.12 จุด ลดลง 4.45 จุด (-0.29%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 894.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ธ.ค.59) ปิดที่ 52.95 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ธ.ค.59) ที่ 7.22 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.01 ทรงตัวเหตุไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดตปท.หลายแห่งใกล้หยุดยาว
- นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายกลาง-เล็กจะมีปัญหาสภาพคล่องที่ชัดเจนและเพิ่มจำนวนมากขึ้นหากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากในขณะนี้โครงการที่อยู่อาศัยขายได้ยากจากกำลังซื้อยังชะลอตัวอยู่ ส่วนที่ขายไปแล้วก็โอนได้ยาก เพราะธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จึงทำให้บริษัทรายเล็กมีความเสี่ยงปัญหาสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น
- ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง 10 ธุรกิจเด่น-ร่วงปี 60 ว่า ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงามยังคงติดอันดับหนึ่งธุรกิจเด่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และคาดว่าจะคงต่อไปอีก 3-5 ปี รองลงมาคือ ธุรกิจเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และธุรกิจวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงิน เรื่องเป้าหมายของนโยบายการเงินปี 60 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.59 รมว.คลัง และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีข้อตกลงร่วมกันที่จะกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 2.5% บวก ลบ 1.5% เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะกลาง และเป็นเป้าหมายปี 60 เนื่องจากเงินเฟ้อในระดับ ดังกล่าวเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน รวมทั้งช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้างวันที่ 31 ต.ค.59 ว่ามีจำนวน 5.9 ล้านล้านบาท ลดลง 3,200 ล้านบาท และคิดเป็น 42.71% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
- รฟม.พร้อมรอฟังมติสภา กทม. ฟันธงต้นเดือน ม.ค.60 โอนทรัพย์สินสายสีเขียว ลั่นเล็งจ้างบีทีเอสเดินรถสายสีเขียว หากไม่สามารถตกลงกันได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- AU (บมจ. อาฟเตอร์ ยู) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยราคาขาย IPO 4.50 บาท/หุ้น บริษัทฯดำเนินธุรกิจร้านขนมหวาน แบรนด์ "อาฟเตอร์ ยู" 18 สาขา และร้านน้ำแข็งไส แบรนด์ "เมโกริ" 2 สาขา รวมถึงให้บริการจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่ และรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทให้กับลูกค้ากลุ่มต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการสายการบิน และร้านอาหาร เป็นต้น
- NYT (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 17.2 บาท ส่งออกรถยนต์จะฟื้นตัวในปี 60 จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯและตะวันออกกลาง โดยในอดีตช่วงปี 55-56 ที่ราคาน้ำมัน >80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยส่งออกรถยนต์ไปตะวันออกกลางคิดเป็น 25% แต่ใน 9 เดือนปี 59 ลดเหลือ 14% และจำนวนรถยนต์ส่งออกไปตะวันออกกลางเทียบ 9 เดือนปี 56 ลดลงราว 35% และเงินบาทอ่อนเป็นผลดีต่อการส่งออกรถยนต์ ขณะที่ Bloomberg consensus คาดกำไร NYT ปี 60 จะโต 19.5% YoY เราคาดมีโอกาสโตมากกว่าคาด เพราะการส่งออกรถยนต์มีโอกาสฟื้นแรง
- TU (ยูโอบี เคย์เฮียน) กำไรปี 2560 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน รวมถึงการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต ความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนที่เป็นโภคภัณฑ์ต่ำกว่าเนื้อสัตว์บก และไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดนกในยุโรปและเอเชีย มีโอกาสเป็นเป้าหมาย Window dressing
- WICE (โกลเบล็ก) เป้า 4.45 บาท คาดกำไรสุทธิปี 59 ที่ 87.4 ลบ. (+44.2% YoY) จากการควบรวม SEL เข้ามาตั้งแต่ Q3/59 และการเข้าบริหารคลังสินค้าให้ผู้ส่งออกกระจกรายใหญ่ 8,000 ตร.ม.ตั้งแต่พ.ค. 59 ส่วนปี 60 คาดกำไรสุทธิจะก้าวกระโดดเป็น 145 ลบ. (+66% YoY) ขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้และกำไรของ SEL เต็มปี รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจ Transportation ขยายฟีดรถหัวลาก-หางพ่วง , ขยายลานตู้คอนเทนเนอร์ 4,000 ตรม. และ Warehouse เนื้อที่ 1.3 หมื่นตรม.ที่แหลมฉบัง