AU ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 12.50 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 177.78%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 23, 2016 12:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น AU ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 12.50 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท (+177.78%) จากราคาเสนอขาย IPO ที่ 4.50 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,222.85 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 11.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 13.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 11.50 บาท

นอกจากนี้ พบรายการบิ๊กล็อตหุ้น AU 19 รายการ จำนวน 52.50 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 236.25 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ย 4.50 บาท/หุ้น และยังมีบิ๊กล็อต AU-F 1 รายการ จำนวน 1.5 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 6.75 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ย 4.50 บาท/หุ้น

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯมีมุมองเชิงบวกต่อ บมจ. อาฟเตอร์ยู (AU) ทั้งในแง่ฐานะทางการเงินและการตลาดฯ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการเปิดให้บริการคาเฟ่ขนมหวานเพียง 9 ปี แต่สามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยบริษัทฯได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียน และเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ประมาณ 165 ล้านหุ้น

โดยมองว่าในระยะสั้นราคาหุ้นจะ Perform ได้ดี เนื่องจากจำนวนหุ้นถึงมือประชาชนทั่วไปเพียง 64 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นเพียง 8.8% ของหุ้นทั้งหมด ประกอบกับอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังสูงถึง 48% และมีกำไรขั้นต้นที่สูงถึง 64% ขณะที่ภาพในปี 2560-2561 ยังดูดีเนื่องจากจำนวนสาขาในปัจจุบันยังถือว่าต่ำและมีโอกาสขยายอีกมากกว่า 15-20 สาขา (เพิ่มอีก 1 เท่าจากปัจจุบัน) ทำให้ภาพระยะสั้น-กลาง ของ AU ดูน่าสนใจ ในขณะที่ระยะยาวมีมุมมองเป็นกลาง โดยยังไม่มีคำแนะนำพื้นฐานในขณะนี้เนื่องจากมีข้อมูลทีจำกัด โดยราคาเหมาะสมเฉลี่ยของ Co-underwrite ทั้ง 3 บริษัทอยู่ที่ 5.75 บาท/หุ้น

บริษัทฯจัดอยู่ในอุตสาหกรรมคาเฟ่ ซึ่งมีมูลค่าตลาดประมาณ 9.1 พันล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 1.2% ของอุตสาหกรรมอาหาร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของคาเฟ่ในอนาคต โดยรายได้ของ After you คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3-4% ของอุตสาหกรรมคาเฟ่ (อ้างอิงข้อมูลปี 2557) และหากนับอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (5-yrs CAGR%) จะพบว่าบริษัทฯมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยสูงถึง 85% (เทียบกับค่าเฟ่แค่ 2.5%)

สำหรับในอนาคตอ้างอิงจาก Consensus คาดรายได้ของบริษัทฯจะเติบโตเฉลี่ย 3 ปี (2559-2561) เติบโตประมาณ 30% ซึ่งมองว่าเป็นไปได้เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯมีจำนวนสาขาเพียง 20 สาขา หากใช้สมมติฐานการขยายสาขาใหม่ปีละ 5 สาขา/ปี (อ้างอิงจากผู้บริหาร) และ อัตราการเติบโตรายได้เฉลี่ยต่อร้าน (%SSSG) ประมาณ 5% ซึ่งถือว่า conservative หากเทียบกับปัจจุบันที่ 14.5% ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 30% ถือว่าเหมาะสม


แท็ก บิ๊กล็อต  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ