บล.ทรีนีตี้ มองกรอบ SET ปี 60 ช่วง 1,350-1,620 เสี่ยงทางลง จากแนวโน้มสภาพคล่องทั่วโลกลด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 26, 2016 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยถึง กลยุทธ์การลงทุนสำหรับปี 2560 ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทย และดัชนีหุ้นไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหวออกด้านข้างในกรอบดัชนี 1,350-1,620 จุด โดยมีความเสี่ยงในกรอบทางลงมากกว่าทางขึ้น ซึ่งมองแนวทางการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับปี 2560 โดยอ้างอิงปัจจัยการลงทุนกว่า 7 แนวทาง ดังต่อไปนี้ แนวทางแรก คาดการณ์การปรับตัวที่ดีของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามแรงกดดันเงินเฟ้อทั่วโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น มองว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะสามารถปรับขึ้นได้ถึงแม้เงินดอลลาร์สหรัฐฯจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นก็ตาม ดังนั้นแนะนำให้เพิ่มน้ำหนัก (Overweight) การลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งกลุ่มพลังงาน โลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตร

แนวทางถัดมา มองแนวโน้มธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเริ่มเข้าสู่กระบวนการถอดถอนสภาพคล่องออกจากระบบ นำโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) และการลดวงเงินโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เป็นต้น จากผลกระทบดังกล่าวคาดว่าในช่วงถัดไปสกุลเงินของประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนา แนวทางที่สาม มองปัจจัยเสี่ยงทางด้านการเมืองในยุโรป อาทิ กระบวนการการออกจากกลุ่มยูโรโซนของอังกฤษ (Brexit) และความเป็นไปได้ในการออกจากกลุ่มยูโรโซนของประเทศอื่นๆที่อาจตามมา ไม่นับรวมเหตุการณ์ก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้น จึงเพิ่มคำแนะนำกลยุทธ์ “ถือ" ตราสารจำพวกที่มีความปลอดภัยสูง (Safe Haven) อาทิ ทองคำ เป็นต้น

แนวทางที่สี่ คาดการณ์ระดับอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันดิบจะปรับตัวเข้าสู่สมดุลมากขึ้น รวมถึงท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และกลุ่มนอนโอเปก ที่หันหน้าเข้าหากันมากขึ้น น่าจะทำให้ค่าเฉลี่ยของราคาน้ำมันดิบในปี 2560 อยู่สูงกว่าปีที่ผ่านมา ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนกลุ่มหุ้นพลังงาน ให้มีความน่าสนใจมากกว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มค้าปลีกสำหรับกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ แนวทางต่อมา คาดว่านักลงทุนในประเทศจะเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมหลักในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติน่าจะมีบทบาทที่ลดลงตามแนวโน้มการไหลกลับของกระแสทุนสู่ประเทศพัฒนาแล้ว ดังนั้นคาดว่าหุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็ก (Non SET50) จะปรับตัวได้ดีกว่า (Outperform) หุ้นขนาดใหญ่เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน

แนวทางที่หก ในภาวะที่มีการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลก (Bond yield) คาดว่าตลาดหุ้นไทยอาจเผชิญกับปรากฏการณ์การหดตัวของอัตราส่วน PE ที่เหมาะสม (PE Contraction) ด้วยเหตุดังกล่าวจะเป็นปัจจัยกดดันการปรับตัวขึ้น (Upside) ของดัชนีที่สำคัญ ทั้งนี้ในภาวะ Bond yield ขาขึ้นนี้ มองว่าจะมีผลกระทบโดยตรงกับกลุ่มหุ้นปันผล และหุ้นที่ซื้อขายที่ระดับ PE สูง แต่ไม่มีอัตราการเติบโตของกำไรรองรับ และในแนวทางสุดท้าย ภาวะเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงขาลงสูงขึ้น จากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวที่กินเวลานานกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ การค้าขายระหว่างประเทศที่มีความเสี่ยงมากขึ้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในยุคสมัยของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และการบริโภคภาคเอกชนที่อาจชะลอตัว เพราะมีการดึงอุปสงค์มาใช้ในช่วงปลายปี 2559 ตามการออกมาตรการลดหย่อนภาษีของภาครัฐแล้ว ขณะที่การลงทุนภาครัฐจะยังคงเป็นภาคเศรษฐกิจที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจของไทยเช่นเดิม

กลยุทธ์การลงทุนในภาวะที่ SET Index มีความเสี่ยงในกรอบทางลงมากกว่าทางขึ้น และสภาพคล่องทั่วโลกที่มีแนวโน้มลดลง โดยแนะนำให้นักลงทุนพยายามรอจังหวะให้ดัชนีมีการปรับฐาน ก่อนที่จะเข้าสะสมหุ้น มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในปี 2560 ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ได้แก่ PTT, IVL กลุ่มธุรกิจการเกษตร ได้แก่ BRR, STA กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ CPF, TU กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ SMT, SVI และกลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ CK, SEAFCO


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ