นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ (SIRI) คาดว่าบริษัทจะสามารถปิดยอดขายตลาดต่างชาติสำหรับสิ้นปี 59 ได้ที่ระดับ 5,600 ล้านบาท เติบโต 60% จากปีที่ผ่านมา หลังในช่วง 11 เดือนแรกปีนี้สามารถทำยอดขายจากตลาดต่างชาติได้แล้ว 5,200 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ที่ 5,000 ล้านบาท ส่งผลให้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดของตลาดต่างชาติ สูงสุดจากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกันในหลายประเทศ (Global Launch) และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
"กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการของแสนสิริมากที่สุดยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าชาวฮ่องกง รองลงมา คือ กลุ่มลูกค้าชาวจีนและลูกค้าชาวไต้หวัน รวมไปถึงลูกค้าชาวสิงคโปร์และมาเลเซียอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ซื้อเพื่อการลงทุน 80% และซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 5% และสนใจซื้อโครงการที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือในเมืองท่องเที่ยวที่ให้ผลตอบแทนจากอัตราค่าเช่าในระดับที่น่าพอใจ"นายอุทัย กล่าว
นายอุทัย กล่าวว่า สำหรับโครงการที่คว้ายอดขายจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมากที่สุด คือ เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา โดยได้รับการตอบรับที่ดีมากจากการไปโรดโชว์ที่ประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวันและจีน ทำยอดขายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าสูงที่สุดที่เคยทำได้จากการสร้างยอดขายตลาดต่างชาติในขณะนี้ รองลงมาคือ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 คว้ายอดขายจากตลาดต่างชาติได้ 800 ล้านบาท นอกจากนี้โมริ เฮาส์ และเดอะ เบส การ์เดน พระราม 9 กวาดยอดขายต่างชาติได้กว่า 700 ล้านบาท ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศที่ต่างจังหวัดก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวต่างชาติเช่นกัน โดย เดอะ เบส พัทยากลาง มียอดขายแล้วเฉียด 700 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่ทำให้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติซื้อโครงการของบริษัทนั้น คือชื่อเสียงของแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับมายาวนานกว่า 30 ปี ทั้งในไทยและต่างประเทศว่าเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้มอบแค่ที่อยู่อาศัยคุณภาพแต่มอบไลฟ์สไตล์แห่งการใช้ชีวิต และการนำเสนอโครงการคอนโดมิเนียมที่ตอบสนองต่อรสนิยมและความต้องการของลูกค้าต่างชาติได้อย่างตรงจุด ทั้งในแง่การอยู่อาศัยและการลงทุน รวมถึงการบริการหลังการขายจากบริษัท และบริษัทลูกอย่างพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร