นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST)ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ แกว่งตัวทั้งแดนบวกและลบ โดยตลาดยังได้อานิสงส์จากปัจจัยในประเทศ ตัวเลขส่งออกและเงินบาทอ่อนค่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ มีการอนุมัติในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นในตลาด คือ การเดินรถไฟฟ้า 1 สถานี (บางซื่อ-เตาปูน) ที่ให้บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนมาตรการของขวัญปีใหม่ 56 โครงการ นั้น ไม่ได้ให้ผลในเชิงเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะ
ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะยังเบาบาง เพราะไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด มูลค่าการซื้อขาย น่าจะยังอยู่ในช่วง 2.5-3.0 หมื่นล้านบาท/วัน โดยแรงซื้อหุ้นน่าจะน้อยลงกว่าวันก่อน
ตลาดหุ้นต่างประเทศฝั่งตะวันตกยังคงเดินหน้าต่อในคืนที่ผ่านมา ด้วยมุมมองด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯเองและราคาน้ำมันที่หนุนให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น แต่ถึงกระนั้น กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีแต่ละตลาดจะบวกกันไม่มากนัก ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและแรงซื้อของนักลงทุนหลังผ่านช่วงวันหยุดยาวมา เมื่อพิจารณาถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นด้วย อาจเป็นสัญญาณลบต่อเงินลงทุนในประเทศต่าง ๆ นอกสหรัฐฯ ที่อาจขายหุ้นกันต่อ
อย่างไรก็ตาม ผลบวกจากดอลลาร์แข็ง (เงินสกุลท้องถิ่นอ่อนค่าลง) จะเป็นบวกต่อประเทศผู้ส่งออก รวมทั้งของไทย เมื่อเป็นเช่นนั้น ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จึงเป็นทั้งบวกและลบในเวลาเดียวกัน ดังที่เห็นเมื่อวานนี้ (27 ธ.ค.) นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทย 626 ล้านบาท แต่หุ้นกลุ่มส่งออก ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังได้อานิสงส์จากความมั่นใจว่าผู้ผลิตน้ำมันจะทำการลดการผลิต (ส่งออก) น้ำมันและตลาดจะจับตาดูวันที่ 13 ม.ค. ปีหน้า ที่ผู้ผลิตน้ำมัน ทั้งกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอนโอเปก จะประชุมเพื่อกำกับดูแลข้อตกลงในเรื่องการลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่ตกลงกันไว้ ณ วันนี้ มองหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันว่ายังเป็นบวกจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ WTI ที่มีโอกาสขึ้นแตะ 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในเร็วๆ นี้
แม้น้ำหนักของปัจจัยบวกจะยังมากกว่าปัจจัยลบ แต่มองว่าแรงซื้อนั้นจะเป็นแบบ selective ในหุ้นบางตัว การเข้าลงทุนในวันนี้ จึงควรเลือกเล่นสั้น ๆ ในหุ้นที่ตลาดเล่นกันไว้ก่อน โดยให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มส่งออกและกลุ่มน้ำมัน (ผู้ผลิต) ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ราคาขึ้นน้อย (laggard) นั้น อย่าง เช่น กลุ่มธนาคาร-ที่อยู่อาศัย อาจถูกยกขึ้นมาเก็งกำไรในบางตัวสำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ PTTEP,KCE,HANA,GFPT,LPH,TISCO,FSMART