นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ และมีโอกาสที่จะถูก take profit ออกมา ทำให้ดัชนีฯอาจจะแกว่งตัวลงแต่ก็ไม่น่าแรง เนื่องจากปรับตัวขึ้นไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ขณะเดียวกันช่วงนี้ปัจจัยแวดล้อมก็ไม่ได้มีเรื่องสำคัญ
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ติดลบตามดัชนีหุ้นดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังน่าจะได้แรงประคองจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุน LTF/RMF มาช่วยหนุน ส่วนการทำ Window Dressing มองว่าได้ทำไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,833.68 จุด ร่วงลง 111.36 จุด (-0.56%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,438.56 จุด ลดลง 48.88 จุด (-0.89%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,249.92 จุด ลดลง 18.96 จุด (-0.84%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 100.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 163.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 29.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 13.14 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.45 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ธ.ค.59) 1,524.60 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด (+0.50%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 275.24 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ธ.ค.59) ปิดที่ 54.06 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ธ.ค.59) ที่ 6.86 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.97/99 คาดแกว่งแคบธุรกรรมเบาบาง มองกรอบ 35.95-36.02
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยการขยายตัวเศรษฐกิจเดือน พ.ย. 2559 ปรับตัวดีขึ้น จากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้สูงถึง 10.2% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีการใช้จ่ายขยายตัวดี สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัว 2.1% และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่เดือน พ.ย.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันที่ 10.6%
- นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม กล่าวภายหลังประชุมมอบนโยบายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ต้องการเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการ รฟท.อย่างจริงจัง โดยจะเร่งตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินองค์กรภายใน 3 เดือน โดย รฟท.ถือหุ้น 100% เข้ามาดูแลที่ดินที่จะนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์กว่า 4 หมื่นไร่
- บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท ทรู อินคิวบ์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่กลุ่มบริษัทถือหุ้นทั้งหมด จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท แค็ปสตรีม เวนเชอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศแคนาดา 20 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.50 เหรียญแคนาดา รวมเป็นเงิน 10 ล้านเหรียญแคนาดา หรือประมาณ 268.47 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทย่อยของกลุ่มเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 8.84% ของหุ้นทั้งหมดของแค็ปสตรีมฯ ภายหลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินสถานการณ์และแนวโน้มนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2560 ว่า ในเดือน ธ.ค.นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาเที่ยวในไทยมากที่สุด คาดว่าในช่วง 7 วันของเทศกาล ปีใหม่ชาวต่างชาติจะเข้ามาไทยเพิ่ม 1.3% จากช่วงเทศกาลปีใหม่ปีก่อนหน้า สำหรับเม็ดเงินที่จะสะพัดไปยังพื้นที่ต่างๆ อาจมีมูลค่าประมาณ 3.83 หมื่นล้านบาท เติบโต 3.7% จากปีก่อน แต่การเดินทางมาของนักท่องเที่ยวระยะใกล้ อย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ อาจลดลงบ้างจากค่าเงินริงกิตที่อ่อนค่า ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญเริ่มฟื้นในตลาดระดับบน
*หุ้นเด่นวันนี้
- PLE-W3 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 51,368,814 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 15 ธ.ค. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 15 ธ.ค. 2561
- UNIQ (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 23.3 บาท แนวโน้มกำไร ปี 2560–2561 จะโตเฉลี่ย 19% ต่อปี CAGR จากแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาฯที่กำลังเข้าสู่ขาขึ้น, การเป็นผู้รับเหมาฯหลักครบวงจรทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้รับเหมาช่วง (เช่น งานเสาเข็ม) แบบ CK และ STEC ทำให้ประเมินแนวโน้มอัตรากำสุทธิของ UNIQ เฉลี่ย >7% สูงกว่าอัตรากำไรสุทธิของ CK และ STEC (ฝ่ายวิจัยฯคาดอัตรากำไรสุทธิของ CK และ STEC สำหรับปี 2560 ไว้ที่ 3.4% และ 6% ตามลำดับ) พร้อมประเมินแนวรับ 19.5 บาท แนวต้าน 20 บาท และถัดไปที่ 20.7 บาท (Stop loss 19 บาท)
- AP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9 บาท แนวโน้มกำไร 4Q59 จะสูงสุดของปีจากคอนโดที่ครบกำหนดโอนถึง 8 โครงการ คาด +162% Q-Q, +137% Y-Y เป็น 1.2 พันล้านบาท ทำให้กำไรปกติทั้งปี +0.6% Y-Y flat ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แต่กำไรจะเติบโตในอัตราเร่งขึ้นเป็น +27% Y-Y ในปี 2560 ตามการรับรู้รายได้คอนโด 8 โครงการต่อเนื่องจาก 4Q59 และอีก 3 โครงการที่ครบกำหนดโอนปีหน้า ราคาหุ้น +0.7% 4QTD laggard กว่ากลุ่มมาก ทำให้มี 2017PE เพียง 7 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 8.4 เท่า และคาด Dividend yield 4% (จ่ายปีละครั้ง) ถือว่าถูกกว่าหุ้นหลายตัวในกลุ่ม
- TISCO (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 65 บาท คาดกำไร 4Q59 ที่ 1,310 ล้านบาท ดีขึ้น 5%QoQ และ 5%YoY โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอาจอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับสูง แต่แรงหนุนจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงจะมีน้ำหนักมากกว่า นอกจากนี้ยังคาดว่าจะเห็นคุณภาพหนี้โดยรวมดีขึ้นอย่างมากภายหลังการจัดชั้น SSI จาก NPL กลับมาเป็นสินเชื่อ SM เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 65 บาท อิง PBV 1.57 เท่า แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นสะท้อนข่าวดีมาบ้างแล้ว ทำให้ Upside เริ่มจำกัด แต่มีโอกาสที่จะปรับประมาณการเพิ่มเติมเพื่อสะท้อนโอกาสทางธุรกิจในอนาคต