ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม ESSO ที่ “A+/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 29, 2016 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่บริษัทมีกับกลุ่มเอ็กซอน โมบิล (ExxonMobil Group) รวมถึงการมีโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานผลิตอะโรเมติกส์ที่มีประสิทธิภาพและครบวงจร และสถานะที่แข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากความผันผวนของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับสูงและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่บริษัทมีกับกลุ่มเอ็กซอน โมบิล รวมถึงประโยชน์ต่าง ๆ ที่บริษัทได้รับจากกลุ่ม โดยเฉพาะการสนับสนุนทางการเงินซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงของธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศไทยเอาไว้ได้ ทั้งนี้ ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า โอกาสที่บริษัทจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีค่อนข้างจำกัดเนื่องจากความผันผวนของราคาน้ำมันและภาวะอุปทานส่วนเกินของพาราไซลีน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสที่จะลดระดับลงหากบริษัทไม่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเอ็กซอน โมบิล หรือหากกลุ่มเอ็กซอน โมบิล ลดสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ในบริษัท

บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น (เอ็กซอน โมบิล หรือ ExxonMobil) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจกลั่นน้ำมันและผลิตเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทมีประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานในธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศไทย โดยบริษัทและบริษัทย่อยในกลุ่มเริ่มดำเนินธุรกิจน้ำมันในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2437 และเริ่มธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันในปี 2514 ณ เดือนมีนาคม 2559 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย ExxonMobil Asia Holding Pte. Ltd. ในสัดส่วน 66% และกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ในสัดส่วน 7%

บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งโดยดำเนินงานในธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจกลั่นและจัดจำหน่ายน้ำมัน (ธุรกิจน้ำมัน) และธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี (ธุรกิจปิโตรเคมี) ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจน้ำมันนั้น บริษัทดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) รวมถึงจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ โดยโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทเป็น 1 ใน 23 โรงกลั่นที่ดำเนินงานโดยบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิลทั่วโลก ในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีนั้น บริษัทผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในกลุ่มอะโรเมติกส์เป็นหลัก

อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงการมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับกลุ่มเอ็กซอน โมบิลในหลายด้านอีกด้วย ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ทางด้านการค้า การดำเนินงาน การเงิน และชื่อเสียงของกลุ่ม จากการเป็นบริษัทในกลุ่มเอ็กซอน โมบิล บริษัทได้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการกลั่นน้ำมันที่ทันสมัย ตลอดจนได้รับการสนับสนุนทางด้านการดำเนินงานและเทคนิคจากกลุ่ม นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับประโยชน์จากเครือข่ายของกลุ่มเอ็กซอน โมบิล ที่มีอยู่ทั่วโลกในการจัดหาน้ำมันดิบและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทอีกด้วย บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้า "เอสโซ่" ให้แก่กลุ่มลูกค้าพาณิชย์และลูกค้าปลีกผ่านสถานีบริการ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินอีกด้วย

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงประสิทธิภาพของโรงกลั่นซึ่งเชื่อมต่อกับโรงงานอะโรเมติกส์ของบริษัทด้วย บริษัทมีโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ที่มีกำลังการกลั่นสูงสุดขนาด 174,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของกำลังการกลั่นทั้งหมดในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตสารอะโรเมติกส์จากโรงงานที่เชื่อมต่อกับโรงกลั่นน้ำมันด้วย โดยโรงงานอะโรเมติกส์ของบริษัทมีกำลังการผลิตสารพาราไซลีน (Paraxylene – PX) จำนวนทั้งสิ้น 500,000 ตันต่อปี การดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานผลิตอะโรเมติกส์ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการเลือกผลิตผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีระหว่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ในปี 2558 ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่บริษัทกลั่นได้ประกอบด้วยน้ำมันดีเซล 37.2% น้ำมันเบนซิน 19.3% รีฟอร์เมต (Reformate) 13% น้ำมันเตา 9% น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน 8.1% และอื่น ๆ 13.4% ด้วยเทคโนโลยีและการดำเนินงานตามปรัชญาของเอ็กซอน โมบิล ทำให้โรงกลั่นของบริษัทได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงกลั่นชั้นนำในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกที่มีประสิทธิภาพสูงในการใช้พลังงาน

นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของบริษัทจากการมีตราสินค้าที่มีชื่อเสียง ช่องทางจำหน่ายที่กว้างขวาง และการดำเนินงานของสถานีบริการที่มีประสิทธิภาพโดยวัดจากยอดจำหน่ายต่อสถานีด้วย บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งจากตราสินค้าที่มีชื่อเสียงซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปชนิดพิเศษซึ่งมีราคาสูงได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่กว้างขวาง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันที่บริหารงานภายใต้เครื่องหมายการค้า "เอสโซ่" จำนวน 537 แห่ง และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำมันผ่านเครือข่ายสถานีบริการมากเป็นอันดับ 3 อีกทั้งสถานีบริการน้ำมันของบริษัทยังสามารถสร้างยอดจำหน่ายต่อสถานีได้ในระดับสูงเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการอื่น ซึ่งสถานะที่แข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันดังกล่าวช่วยบรรเทาผลกระทบจากวัฏจักรของธุรกิจน้ำมันให้แก่บริษัท

ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากความผันผวนในระดับสูงของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันด้วย แม้ว่าราคาน้ำมันที่ลดลงจะช่วยเพิ่มอุปสงค์และการบริโภคน้ำมัน แต่การแข่งขันยังคงรุนแรงจากจำนวนสถานีบริการที่เพิ่มมากขึ้น

บริษัทมีแหล่งรายได้หลักจากธุรกิจน้ำมันซึ่งสร้างรายได้ประมาณ 90%ของรายได้รวม ในขณะที่อีก 10% มาจากธุรกิจปิโตรเคมี ในปี 2558 บริษัทมีรายได้ 169,891 ล้านบาท ลดลง 23% เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยรายได้ลดลงเป็นผลมาจากราคาน้ำมันและราคาพาราไซลีนที่ลดลงในปี 2558 ในขณะที่บริษัทมียอดขายในเชิงปริมาณที่มากขึ้นเป็นสิ่งชดเชยบางส่วน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีรายได้ 110,066 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันและราคาพาราไซลีนที่ลดลง รวมทั้งยอดขายน้ำมันเชิงปริมาณที่ลดลงจากการหยุดดำเนินการตามแผนซ่อมบำรุงในไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 แม้ว่ารายได้จะลดลง แต่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 แม้ว่าจะมีการหยุดดำเนินการตามแผนซ่อมบำรุง แต่บริษัทได้รับผลดีจากราคาสินค้าคงเหลือที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งกำไรขั้นต้นของอุตสาหกรรมพาราไซลีนก็ปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 5,188 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรจากการดำเนินงาน 1,758 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 และเทียบกับกำไรจากการดำเนินงานในปี 2558 ที่อยู่ที่ระดับ 2,322 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจน้ำมันที่สร้างกำไรจากการดำเนินงานใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2559 จำนวน 6,263 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมียังคงได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานส่วนเกินของพาราไซลีนซึ่งส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 1,075 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559

ณ เดือนกันยายน 2559 บริษัทมีเงินกู้รวม 24,877 ล้านบาท โดยประมาณ 63% เป็นเงินกู้ที่ได้รับจากกลุ่มเอ็กซอน โมบิล ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณ 0.5% ณ สิ้นปี 2554 การสนับสนุนทางด้านการเงินจากกลุ่มเอ็กซอน โมบิล ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้ยืมจากกลุ่มเอ็กซอน โมบิล จำนวน 54,000 ล้านบาทอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้เบิกใช้ โดยวงเงินนี้จะหมดอายุ ณ สิ้นปี 2559 แต่สามารถต่ออายุออกไปได้อีก 3 ปี ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 57.7% และคาดว่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับ 50%-55% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยอยู่บนสมมติฐานว่าราคาน้ำมันดิบจะไม่ลดลงอย่างรุนแรงอีกและบริษัทไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เฉลี่ยมากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2560-2562 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,400-1,600 ล้านบาทต่อปี ทริสเรทติ้งเห็นว่าความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทยังคงเหมาะสมกับระดับอันดับเครดิตในปัจจุบันเนื่องจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากกลุ่มเอ็กซอน โมบิล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ