PLE-W3 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.29 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.32 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.42 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.43 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.29 บาท
ขณะที่หุ้น PLE ปิดที่ 0.82 บาท ลดลง 0.01 บาท (-1.20%) มูลค่าซื้อขาย 2.79 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.83 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.84 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.81 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าเบื้องต้นคาดว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) ครั้งที่ 3 ใช้ชื่อย่อว่า PLE-W3 จะมี All-in Premium 167.4% เนื่องจากราคาใช้สิทธิของ PLE-W3 ที่สูงกว่าราคาในกระดานของ PLE อยู่มากโดย Out-of-The-Money อยู่ 62.27% และอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิที่สั้นเพียง 2 ปี แต่อย่างไรก็ตามด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำของหุ้นแม่ทำให้มองว่า PLE-W3 ยังขาดความน่าสนใจในการลงทุนจากราคาที่ Out-of-The-Money มากเกินไป
จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมในปัจจุบันด้วยวิธี BSM อ้างอิงราคาปิดหุ้นแม่ที่ 0.83 บาท (28 ธ.ค.) จะได้มูลค่าที่เหมาะสมของ PLE-W3 ที่ 0.02 บาท พร้อมประเมินมูลค่าของ PLE-W3 ไว้ที่ 0.014-0.024 บาท เมื่อราคาหุ้น PLE เคลื่อนไหวในกรอบ 0.78-0.88 บาท โดยมี Volatility 44% per year
PLE-W3 จำนวนที่ออก 51.37 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม : 1 หุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 1 บาท ได้รับ 0.5 ใบสำคัญแสดงสิทธิ อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 2.20 บาท, อายุ 2 ปี โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันที่ 15 ของเดือน ธ.ค. (สามารถใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 15 ธ.ค. 2560 และครั้งสุดท้ายในวันที่ 15 ธ.ค. 2561 ซึ่งเป็นวันหมดอายุ)
PLE ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบ จัดหา รับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรม และรับเหมาก่อสร้างอย่างครบวงจร รับงานทั้งจากภาคเอกชนและภาครัฐ โดยเป็นทั้งผู้รับเหมาโดยตรง (Main Contractor) และเป็นผู้รับเหมาช่วง (Sub-Contractor) จากวิธีการประมูล หรือการเจรจาต่อรอง รวมถึงการร่วมมือกับบริษัทอื่นในลักษณะกิจการร่วมค้า บริการของบริษัทสามารถแบ่งตามลักษณะของระบบที่ติดตั้งได้เป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่ ระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบปรับอากาศ ระบบสุขาภิบาลและระบบป้องกันอัคคีภัย และงานก่อสร้างโยธา