นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธาน บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ใช้เครดิตส่วนตัวนำเงินชำระหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้น (บี/อี) ให้กับ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นจำนวน 50 ล้านบาทแล้ว และส่วนที่เหลืออีก 50 ล้านบาท ได้ตกลงกับเจ้าหนี้แล้วว่าจะชำระให้หมดภายในวันพรุ่งนี้
“ความจริงเราได้เตรียมการจ่ายไว้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่ติดปัญหาผู้บริหารเดิมลาออก และยังให้ข่าวโจมตีบริษัทตลอดเวลา กระทั้งล่าสุดได้ใช้เครดิตส่วนตัวหาเงินมาชำระส่วนที่เหลือ 50 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"นายวิชัย กล่าว
ส่วนกรณีตั๋วบี/อี ที่จะถึงกำหนดในวันที่ 5 ม.ค. ที่จะถึงนี้นั้น เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการพบปะกับเจ้าหนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะชำระหนี้ได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเจ้าหนี้มีความพอใจมาก โดยรายละเอียดที่เปิดเผยได้ขณะนี้คือ บริษัทมีเงินสดเข้ามาจากการบริหารทรัพย์สินของบริษัทมากพอที่จะชำระหนี้ได้
สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาว ขณะนี้บริษัทแต่งตั้งกรรมการใหม่ขึ้นมา 5 คน ซึ่งการแต่งตั้งกรรมการใหม่จะนำไปสู่การเรียกประชุมผู้ถือหุ้น โดยกำหนดจะปิดบัญชีผู้ถึอหุ้นในวันที่ 16 ม.ค. และจัดประชุมผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 25 ม.ค.60
นายวิชัย เปิดเผยว่า บริษัทยังมีมูลค่าตั๋วบี/อีที่จะทยอยครบกำหนดอีกราว 3 พันล้านบาท จากจำนวนเจ้าหนี้ทั้งหมด 17 ราย ซึ่งติดขั้นตอนของการให้กรรมการผู้มีอำนาจเซ็นเอกสารอนุมัติการจ่ายหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เช่นเดียวกัน โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายหนี้คืนให้กับเจ้าหนี้ได้อย่างแน่นอน
ในระยะ 2-3 เดือนนี้บริษัทจะมีตั๋วบี/อีที่ครบกำหนดชำระราว 300-400 ล้านบาท แบ่งเป็นการทยอยครบกำหนดในต้นเดือน ม.ค.60 มูลค่า 200 ล้านบาท โดยในช่วงที่บริษัทยังไม่ได้รับเปิดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทใหม่ บริษัทจะใช้เงินจากเครดิตส่วนตัวของตนเอง และการใช้คอนเน็คชั่นต่างๆ ที่มีเพื่อหาเงินมาชำระหนี้คืนให้กับเจ้าหนี้
ปัจจุบันบริษัทไม่สามารถดำเนินการนำเงินที่อยู่ในบริษัทลูกของบริษัทมาใช้ได้ เพราะไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจเซ็นอนุมัติ ซึ่งบริษัทลูกถือเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท แต่หลังจากการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 ม.ค.60 แต่งตั้งกรรมการเสร็จสิ้น ขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินต่างๆจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
"บริษัทให้ความมั่นใจกับเจ้าหนี้ทุกรายหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหนี้ไปเมื่อวานนี้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลาอย่างแน่นอน และบริษัทไม่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องแต่อย่างใด ซึ่งที่สาเหตุของตั๋วบี/อีของบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ที่ผิดนัดชำระ เป็นเกิดจากการผิดนัดชำระทางเทคนิค"นายวิชัย กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทอาจจะพิจารณาขอทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปลดเครื่องหมาย SP ในวันพรุ่งนี้ (30 ธ.ค. 59) หลังจากที่บริษัทได้จ่ายเงินคืนตั๋ว B/E ที่มี่ส่วนที่เหลือต้องชำระอีก 50 ล้านบาทเสร็จสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นทุกคน แต่ทั้งนี้จะต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง แต่คาดว่าหากยังขึ้นเครื่องหมาย SP ต่อไป จะไม่ลากยาวไปจนถึงวันประชุมผู้ถือหุ้นเสร็จสิ้น เพราะมองว่าเป็นระยะเวลาที่นานไป
"เมื่อวานนี้บริษัทได้พูดคุยและชี้แจงกับทางตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้ว ซึ่งสามารถปลดเครื่องหมาย SP ได้ในวันนี้ แต่ความคลุมเครือของกระแสข่าวที่เกิดขึ้นมาติดต่อกัน ทำให้ในวันนี้ยังต้องขอขึ้นเครื่องหมาย SP ต่อ เพื่อป้องกันผลกระทบของผู้ถือหุ้นทุกคนเช่นเดียวกัน"นายวิชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังจะพิจารณาขายโครงการโรงไฟฟ้าอีกประมาณ 4 โรง ที่ไม่ได้สร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทอย่างคุ้มค่าภายในปี 60 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยโรงไฟฟ้าที่จะขายเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลและโซลาร์ฟาร์มบางแห่ง ส่วนโรงไฟฟ้าอื่นๆที่ยังสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทดีอย่างต่อเนื่องบริษัทจะไม่มีนโยบายการขายออกไป เพราะอยากให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมาจากการดำเนินธุรกิจจริงๆ ไม่ใช่มาจากการขายสินทรัพย์ที่บริษัทสร้างมานานออกไป
นายวิชัย กล่าวถึงส่วนการตรวจสอบธรรมาภิบาลในบริษัทว่า ขอย้ำว่ามีประเด็นจำนวนมาก ล่าสุดหลังจากมีข่าวเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นในบริษัทบริหารสินทรัพย์ โกบอล วัน เจ้าหนี้ของโรงแรมดาราเทวี มีความเกี่ยวพันกับบริษัทไลท์ คอร์ปอเรท นั้น วันนี้มีการออกข่าวว่า โกบอลวัน ทวงถามหนี้จากบริษัทนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดจึงมีการปล่อยข่าวดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้กังวลกับข่าวที่เกิดขึ้น และเป็นการดีที่จะเปิดเผยความจริงที่ตรวจพบว่าเส้นทางการชำระหนี้ก้อนนี้ของผู้บริหารชุดเก่าเป็นอย่างไร เพราะโรงแรมดาราเทวีมีเจ้าหนี้ 2 บริษัท แต่ IFEC กลับเทเงินเข้าไปในโกบอลวันเพียงรายเดียวจนผิดสังเกต ซึ่งเมื่อกลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เชิญเจ้าหนี้ดังกล่าวมาพูดคุยแล้ว แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดที่ตรงไปตรงมา
บริษัทยืนยันว่านายสิทธิชัย อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีการทยอยลาออกจากการเป็นกรรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทย่อยแล้วจริง แต่ยังเหลือบริษัท IFEC-Thermal ที่นายสิทธิชัยยังไม่ได้ลาออก และส่วนกระบวนการตรวจสอบความไม่ชอบมาพบกลที่เกิดขึ้นในบริษัทช่วงที่ผ่านมา ได้มีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และสืบสวนกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ก่อนจะตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฏหมายต่อไป
นายวิชัย กล่าวว่า ได้เริ่มพบความไม่ชอบมาพบกลเกิดขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับเอกสารสำคัญและการรายงานข้อมูลต่างๆรายงานมาไม่ถึง ทำให้เกิดปัญหาภายในขึ้น ซึ่งทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เลิกจ้างพนักงานระดับล่างบางส่วนที่คาดว่าจะมีการกระทำการทุจริตและพฤติกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นของพนักงานระดับล่างบางคนอาจจะได้รับการสนับสนุนจากพนักงานหรือผู้บริหารหรือคณะกรรมการระดับสูงของบริษัท ซึ่งเป็นเหตุผลให้บริษัทต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และเร่งแก้ปัญหา เพราะบริษัทได้มีความเสียหายเกิดขึ้นมาก
"ตอนนี้อยากให้ผู้ถือหุ้นทุกคนมั่นใจว่าเราพยายามเร่งแก้ปัญหาภายในบ้านให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้บริษัทสามารถเดินหน้าไปต่อได้ ยอมรับว่าข่าวที่ออกมาติดต่อกันทุกวันๆมีผลกระทบต่อบริษัทและราคาหุ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งผู้ถือหุ้น IFEC ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย อยากให้เชื่อมั่นใน IFEC เพราะบริษัทเรายังมีศักยภาพอยู่ ยังจ่ายหนี้ได้ตามกำหนดแน่นอน เพราะมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางเทคนิค ซึ่งเกิดจากกระบวนการภายในบริษัท แต่เราก็พยายามแก้ปัญหาไปให้จบได้
ส่วนผมจะมานั่งเป็น CEO คุมบริษัทเองหรือไม่อันนี้อยู่ที่คณะกรรมการชุดใหม่เห็นชอบ เพราะปัจจุบันนั่งเป็นประธานกรรมการบริหาร คุมเฉพาะคณะกรรมการ ทำให้เรื่องการรายงานข้อมูลส่งมาไม่ถึงผมเกิดขึ้น แต่หลังจากประชุมผู้ถือหุ้นเสร็จสิ้นก็เชื่อว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ"นายวิชัย กล่าว