นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากตลาดบ้านเราได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินของกองทุน LTF และ RMF อีกทั้งยังมีการทำ Window Dressing ช่วยหนุนตลาดฯด้วย
รวมไปถึงเริ่มเห็นสัญญาณการซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ จากที่เมื่อวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิค่อนข้างมาก โดยค่าเงินในภูมิภาคเริ่มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เชื่อว่า Fund Flow น่าจะไหลกลับเข้ามา
พร้อมให้แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,545 ถัดไป 1,550-1,555 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,819.78 จุด ลดลง 13.90 จุด (-0.07%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,432.09 จุด ลดลง 6.47 จุด (-0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,249.26 จุด ลดลง 0.66 จุด (-0.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 4.80 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.25 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 28.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 33.21 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 9.11 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 147.46 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ (30 ธ.ค.) เนื่องใน Rizal Day และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ (30 ธ.ค.) เนื่องในวัน New Year's Eve
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ธ.ค.59) 1,537.81 จุด เพิ่มขึ้น 13.21 จุด (+0.87%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,347.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ธ.ค.59) ปิดที่ 53.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ธ.ค.59) ที่ 7.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.88 แข็งค่าหลังมีแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 35.70-35.90
- รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวทั้งปี 2559 จะอยู่ที่ 2.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10.93% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 2.4 ล้านล้านบาท
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในขณะนี้สะท้อนให้เห็นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2560 เป็นไปในทางบวก ทั้งตัวเลขตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในอาเซียน ตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ย.ที่ขยายตัวกว่า 10% ทั้งนี้หาก 3 ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐ และจีน ยังขยายตัวต่อเนื่อง จะทำให้การส่งออกของประเทศในเอเชียดีขึ้น
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ในเดือน พ.ย.59 ขยายตัว 3.8% สูงสุดรอบ 43 เดือน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กเพิ่มขึ้น 19.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าขยายตัว 2.81% และอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว 10.22%
- บอร์ด กสท.ประชุมนัดพิเศษไฟเขียวทรูวิชั่นส์เยียวยาสมาชิกหลังยกเลิก 6 ช่องรายการบันเทิงเทศ อนุญาตให้ดึง 7 ช่องรายการใหม่ไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิกเสียบแทน มีผล 1 ม.ค.60 ให้ผู้บริโภคได้ดูรายการใหม่ได้ต่อเนื่อง เปิดทางเลือกลูกค้าบอกเลิกได้ไม่เสียค่าฟี ทั้งค่าติดตั้ง-ค่าแรกเข้า พร้อมคืนเงินส่วนเกินให้แบบจ่ายรายปี ราย 6 เดือนด้วย
*หุ้นเด่นวันนี้
- HANA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 43 บาท ราคาหุ้นของผู้ประกอบการ Semi Conductor ทั่วโลกปรับขึ้นทำ New high ขานรับยอดขาย Semi Conductor เดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาหุ้นมี Correlation กับยอดขาย Semi Conductor สูงถึง 90% แต่ราคาในปีนี้ยังไม่ตอบรับกับข่าวดังกล่าว
- STEC (ยูโอบี เคย์เฮียน) ปลายปีที่ผ่านมาใช้ยุทธวิธีใหม่ ด้วยการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทอื่น ๆ ทำให้ได้งาน mega projects เข้ามาค่อนข้างมากถึง 23,000 ล้านบาท ทำให้คาดว่ายอด orderbook ของบริษัทจะเติบโตได้ ถึง 17% อยู่ที่ 63,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 59 ซึ่งแข็งแกร่งเทียบเท่ากับยอดขายของบริษัทถึง 3.4 ปี
- BDMS (ยูโอบี เคย์เฮียน) หุ้นขนาดใหญ่ที่ยังคง Laggard โดยปรับขึ้นเพียง 5.5% เทียบกับ SET ที่ 19.3% ทำให้ม๊โอกาสเป็น Window dressing target ขณะที่โมเมนตัมของกำไรยังเป็นบวก และคาดกำไรปี 60 ยังคงเติบโต 11.2%
- PDG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5.30 บาท มีแนวโน้มกำไร Q4/59 มีโอกาสทำ new high ตามกำลังการผลิตที่สูงขึ้นเกือบแตะ 75% จาก 68% ใน Q3/59 สูงสุดตั้งแต่ทำธุรกิจมา หนุนโดยคำสั่งซื้อขวดน้ำมันพืชของกลุ่ม TVO และยอดผลิตขวดน้ำดื่มที่สูงเกินคาดจากการได้ลูกค้ารายใหม่ ประกอบกับ PDG บริหารต้นทุน PET ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการสต็อกวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า 2 เดือนที่ราคาต่ำกว่าปัจจุบัน ทำให้เราคาดกำไรสุทธิ Q4/59 ที่ 28 ล้านบาท +22% Q-Q, +24% Y-Y และคาดจ่ายปันผลงวด H2/59 0.20 บาท/หุ้น (Yield 4.8%)