นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 60 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 40% หลังจาก 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้ 545.59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 106.30 ล้านบาท โดยการเติบโตยังมาจากสาขาเดิมที่มีผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ บริษัทเตรียมงบลงทุน 250 ล้านบาทในปีนี้เพื่อที่จะใช้ในการปรับปรุงและตกแต่งสาขาเดิม 3 แห่ง คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 5 ล้านบาทต่อสาขา และส่วนที่เหลือจะใช้ในการขยายสาขาใหม่ 10 แห่ง ซึ่งได้พื้นที่แล้ว 7 แห่ง คือ Let's Relax จำนวน 4 สาขา และ Baan Suan Massage จำนวน 3 สาขา ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างหาพื้นที่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยปัจจุบัน SPA มีสาขารวมทั้งหมดเป็น 31 สาขา แบ่งเป็น ระรินจินดา เวลเนส สปา จำนวน 3 สาขา, Let's Relax จำนวน 20 สาขา และ Baan Suan Massage จำนวน 8 สาขา
ในขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเจรจาและหาพื้นที่เพื่อเปิดในต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งในประเทศจีน และประเทศลาว จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 1 แห่งคือ เมืองคุณหมิง มณฑลยูนนานในสาธารณรัฐประชาชนจีน
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า ในช่วงต้นปีนี้บริษัทได้มีการปรับขึ้นค่าบริการเฉลี่ย 5% ให้สะท้อนต้นทุนด้านต่าง ๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรของบริษัทไปสู่เป้าหมายการรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่กรอบ 17-20% และอัตรากำไรขั้นต้น 35-40%
"ปีที่ผ่านมาเราถือว่าทำทุกอย่างได้โอเค และถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าช่วงปลายปีนักท่องเที่ยวคิดว่าทุกอย่างของประเทศไทยจะหยุด แต่ในช่วงเดือน 12 นักท่องเที่ยวก็กลับมาและเข้าใจว่าทุกอย่างยังดำเนินต่อไป สำหรับปีนี้แนวโน้มการเลือกตั้งที่อาจจะยังไม่เกิดขึ้นนั้นความวุ่นวายทางการเมืองคงไม่เกิดขึ้น ส่วนทัวร์ศูนย์เหรียญที่หายไปทางภาครัฐฯก็พยายามจะถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนคุณภาพดีกลับมา เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อเรา แต่คงต้องติดตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกว่าหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่เข้ามาแล้วจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างไร"นายวิบูลย์ กล่าว
นายวิบูลย์ กล่าวถึงการเข้าซื้อกิจการ บริษัท ไทเกอร์ อายส์ เทรดดิ้ง (ประเทศไทย ) จำกัด (TGT) และ บริษัท ไทเกอร์ อายส์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด (TGE) ว่า เบื้องต้นสำหรับทั้ง 2 บริษัทนี้ SPA ตั้งเป้าที่จะมีรายได้ราว 20 ล้านบาทเข้ามาช่วยส่งเสริมการเติบโตของบริษัทฯให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาบุคลากร หรือการสินค้าต่างๆ ซึ่งอดีตทั้งสองบริษัทเคยทำรายได้รวมขึ้นไปสูงสุดถึง 50 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าอนาคตจะเดินไปในเส้นทางนั้นเช่นกัน
ทั้งนี้ TGT ประกอบกิจการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสปาและผลิตภัณฑ์เสริมความงามให้กับร้านค้าที่ดำเนินธุรกิจสปาและเสริมความงามในประเทศ โดยเป็นตัวแทนสินค้าจากประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ สหรัฐฯ และ แคนาดา ซึ่งจะช่วยให้สามารถขายสินค้าที่แบรนด์ SPA เข้าไปยังโรงแรมต่างๆได้มากขึ้น
ขณะที่ TGE ดำเนินกิจการทางด้านโรงเรียนที่เกี่ยวกับการดูแลความงาม โดยเปิดสอนหลักสูตรสปาและความงามให้แก่นักบำบัด (เธอราปิสท์) ทั้งในและนอกประเทศ หรือลูกค้าของ TGT ที่มีการซื้อสินค้าและสนใจที่จะฝึกทักษะการเรียนรู้วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้บริษัทฯมีสถานที่ในการพัฒนาบุคลากรที่สามารถออกใบประกาศนียบัตรได้หลากหลายรับรองได้ทันที