นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าร่วมทุนกับ บมจ.โรงพยาบาล ลาดพร้าว (LPH) เพื่อสร้างโรงพยาบาล ลาดพร้าว 2 ย่านลำลูกกา ซึ่งเป็นแผนการลงทุนที่ LPH ได้วางแผนไว้ว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนการลงทุนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
เบื้องต้นบริษัทมองว่าการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลเป็นการเปิดโอกาสต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่นอกเหนือจากการพัฒนาและขายโครงการบ้านและคอนดดมิเนียม ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ และต่อยอดการเติบโตให้กับบริษัท เพราะธุรกิจโรงพยาบาลในระยะยาวถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดี ประกอบกับความเชี่ยวชาญและความชำนาญ รวมถึงประสบการณ์การทำงานของทีมผู้บริหารโรงพยาบาลลาดพร้าวที่มีศักยภาพสูง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทมองโอกาสการเข้าร่วมลงทุน อีกทั้งแนวโน้มผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนอาจจะผันผวนไปตามช่วงเวลา
"ตอนนี้ก็มีพิจารณาที่จะเข้าไปร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลลาดพร้าวที่โรงพยาบาลลาดพร้าว 2 ย่านลำลูกกา แต่ก็พิจารณาอยู่ยังไม่ด้สรุปแน่นอน ถ้าสรุปก็คงเป็นปีนี้ตามแผนของโรงพยาบาลลาดพร้าวที่จะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ ก็มองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กับบริษัทในการต่อยอดธุรกิจ Real Estate ที่ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่เฉพาะแค่การพัฒนาและขายบ้านและคอนโดมิเนียมเท่านั้น Real Estate ยังมีอย่างอื่นๆอีกไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคารสำนักงาน หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาลก็เป็นหนึ่งในธุรกิจ Real Estate ที่เราสนใจธุรกิจโรงพยาบาลเพราะว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี"นายสมเชาว์ กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการเจรจากับพันธมิตรต่างชาติที่ติดต่อเข้ามาสนใจจะเข้ามาถือหุ้น หรือร่วมลงทุนกับบริษัท ซึ่งบริษัทก็ยังไม่ปิดโอกาสดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถจะกำหนดระยะเวลาของความชัดเจนที่แน่นอนได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีพันธมิตรต่างชาติหลายรายเข้ามาเจรจาแต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ หรือแม้กระทั่งมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาขอซื้อกิจการของบริษัท แต่โดยส่วนตัวไม่มีความคิดที่จะขายกิจการออกไป
ส่วนภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 นายสมเชาว์ คาดว่า จะเติบโตได้เพียงเล็กน้อย เพราะภาวะตลาดยังคงมีการชะลอตัวอยู่ แม้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก จึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อของประชาชน ซึ่งมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม