โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) มองแนวโน้มกำไรปี 60 เติบโต 12-20% ต่อเนื่องจากปี 59 จากการขยายสาขาใหม่ทั้งโฮมโปร และเมกาโฮม รวมทั้งการขยายสาขาใหม่ในมาเลเซีย อีกทั้งยอดขายในสาขาเดิมก็เติบโด 3% ต่อปี
ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 จะทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะได้รับผลกระทบจากบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยที่ไม่สดใส ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.แต่ก็ดีขึ้นมาได้จากมาตรการช็อปช่วยชาติ และการจัดงาน Homepro Expo ช่วงท้ายปี ขณะที่ราคาหุ้นยังมี Upside สูง โดยที่ผ่านมาราคาหุ้น HMPRO มักจะไม่แกว่งตัวขึ้นหรือลงแรง
ราคาหุ้น HMPRO ล่าสุดอยู่ที่ 10.00 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.99%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.22%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 12.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 11.70 เอเซีย พลัส ซื้อ 11.70 ฟิลลิป( ประเทศไทย) ซื้อ 11.40 เออีซี ซื้อ 11.40
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองแนวโน้มผลประกอบการโดยรวมปี 60 เติบโตต่อเนื่อง ด้วยการขยายสาขาใหม่ และการเติบโตยอดขายของสาขาเดิม อีกทั้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตขึ้นจากสัดส่วน private brand ที่ให้มาร์จิ้นดี
ในไตรมาส 4/59 เป็นไตรมาสที่ผลประกอบการดีที่สุดของปี แม้อาจจะได้รับผลกระทบในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. แต่มีมาตรการช็อปช่วยชาติ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เติบโตได้ ประกอบกับ มีการควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการได้ดี
ทั้งนี้ ปี 60 HMPRO คาดว่าจะขยายสาขาร้านเมกาโฮม อีก 3-4 สาขา ร้านโฮมโปรอีก 3-4 สาขา และเปิดสาขาใหม่ในมาเลเซียอีก 3-4 สาขา ขณะที่สิ้นปี 59 มีร้านโฮมโปร 80 สาขา ร้านเมกาโฮม มี 11 สาขา และ สาขาที่มาเลเซีย 2 สาขา จะช่วยหนุนให้กำไรปี 60 เติบโต 12% เป็น 4,408 ล้านบาท จากปี 59 ที่คาดมีกำไร 3,945 ล้านบาท
"MHPRO มีกำไรเติบโตเรื่อยๆ 11-12% ต่อปี ถือเป็นหุ้นที่เหมาะสมถือระยะกลางและระยะยาว" นางสาวสุทธาทิพย์ กล่าว
นางสาวศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น HMPRO ได้ประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ และ ยังเติบโตได้แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี แต่การขยายสาขาใหม่ก็เป็นการเตรียมความพร้อมเมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว โดยปี 60 คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่ของร้านโฮมโปรจะมีเพิ่มขึ้น 3-5 สาขา และยังเปิดสาขาใหม่ของร้านเมกาโฮม และ สาขาใหม่ในมาเลเซียด้วย
ดังนั้น ในปี 60 คาดกำไรเติบโต 13% มาที่ 4,496 ล้านบาท เทียบกับปี 59 ที่กำไรเติบโต 15% เป็น 3,992 ล้านบาท จากระดับ 3,499 ล้านบาทในปี 58
"ถือระยะยาวได้ดี และตอนนี้ราคามี Upside จากที่เราคาดไว้ 25% (รวมเงินปันผล) หุ้น HMPRO ไม่ได้หวือหวา ราคาจะ stable ไม่ใช่หุ้น growth stock แต่เป็นหุ้นเติบโตกับเศรษฐกิจ และมีการ diversify ไปต่างประเทศ"น.ส.ศศิกร กล่าว
ด้านนายกวี มานิตสุภวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ภาพรวมของ HMPRO ในปี 60 จะขยายตัวจากการขยายสาขาใหม่ โดยเฉพาะในมาเลเซียที่มีอยู่ 2 สาขา จะเปิดใหม่ 3 สาขา และคาดว่าสาขาที่ 4 จะถือจุดคุ้มทุน
ขณะที่ตลาดในประเทศได้แตกไลน์เจาะกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างโดยมีร้านเมกาโฮม ซึ่งประสบความสำเร็จในต่างจังหวัด โดยจะเปิดสาขาใหม่อีก 3-4 สาขา และเพิ่มสัดส่วน house brand ซึ่งสร้างอัตรากำไรขั้นต้นได้ 19% และ เพิ่มร้าน Bike Club เป็นร้านจักรยานพรีเมียมที่ทดลองเปิดแห่งแรกในไตรมาส 4 ที่ผ่านมาตามคอมมูนิตี้มอลล์
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรในปี 60 จะเติบโต 15-20% จากปี 59 จากการเปิดสาขาใหม่ในมาเลเซีย ร้านเมกาโฮม มีกำไรเต็มปี จากที่เริ่มทำกำไรในไตรมาส 2-3 ของปี 59
ส่วน บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า กำไรสุทธิของ HMPRO ในไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 1,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 17.3% จากงวดปีก่อน ถือเป็นกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะได้รับผลกระทบจากบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยที่ไม่สดใส โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Home Improvement ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. แต่เชื่อว่าจะได้รับการชดเชยทั้งหมดด้วยช่วงไฮซีซั่นที่ในเดือน ธ.ค.และมาตรการช็อปช่วยชาติ จึงคาดยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) จะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่พลิกจากที่ติดลบในเดือน ต.ค.-พ.ย.
ประกอบกับ ผลของการจัดงาน Expo ครั้งที่ 2 ของปี ช่วงวันที่ 18-27 พ.ย. ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วยรายได้ราว 650-680 ล้านบาท จากปกติจะอยู่ที่ 620-720 ล้านบาท รวมถึงผลตอบรับที่ดีของสาขาใหม่ที่เปิดในไตรมาสนี้ 5 แห่ง ได้แก่ โฮมโปร 2 สาขา ได้แก่ สาขาพระราม 9, ศรีนครินทร์, เมกาโฮม 2 สาขา ที่นครราชสีมา และนครพนม และ โฮมโปร มาเลเซีย 1 สาขา (The Summit Subang USJ) จึงคาดว่ารายได้รวมจะเติบโต 9.4% จากไตรมาสก่อน และ 7.2% จากงวดปีก่อน
พร้อมทั้งปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 59-60 ขึ้นเล็กน้อย 4.5% และ 2.5% เป็น 4,145 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 4,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบปีต่อปี ตามลำดับ สำหรับปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 60 จะมาจากการฟื้นตัวของ SSSG และการเปิดสาขาใหม่
ทั้งนี้ HMPRO ลดเป้าหมายการเปิดสาขาโฮมโปร เป็น 2 แห่ง จากอดีตจะเปิด 4-5 แห่ง/ปี แต่คงแผนเปิดสาขา เมกาโฮม 2-4 แห่ง และปรับเพิ่มการเปิดสาขาใหม่ในมาเลเซียอีก 2-4 แห่ง จากปัจจุบันมี 2 แห่ง รวมเป็นแผนเปิดสาขาใหม่ 6-10 แห่ง ใกล้เคียงเป้าหมายในอดีต โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 12 บาท จากเดิม 11.6 บาท (อิง DCF)