นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ จากแรงขายทำกำไรของกองทุนในประเทศที่เริ่มเห็นตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งก็คงจะเป็นผลจากการไถ่ถอนหน่วยลงทุนกองทุน LTF และตลาดฯก็ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วด้วย
ส่วนราคาน้ำมันฟิวเจอร์มีการปรับฐานเล็กน้อย ซึ่งก็คงไม่กระทบหุ้นกลุ่มพลังงานมากนัก แต่เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ทำให้จะต้องติดตามผลกระทบที่ตามมาด้วย แต่ก็คงจะมีการโฟกัสหุ้นที่ได้รับประโยชน์ในแง่ของการซ่อมแซมภายหลังน้ำลด อย่าง SCC, SCCC, TPIPL, HMPRO, GLOBAL, DCC, DRT, BJC เป็นต้น
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก โดยปัจจัยนอกประเทศเวลานี้ต่างรอดูนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ที่อาจส่งผลกระทบในด้านต่าง ๆ ของเศรษฐกิจโลก
พร้อมให้แนวรับ 1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,963.80 จุด เพิ่มขึ้น 64.51 จุด (+0.32%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,521.06 จุด เพิ่มขึ้น 33.12 จุด (+0.60%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,276.98 จุด เพิ่มขึ้น 7.98 จุด (+0.35%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 58.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.06 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.50 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.16 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Coming of Age Day
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ม.ค.60) 1,571.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.43 จุด (+0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,911.91 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ม.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ม.ค.60) ปิดที่ 53.99 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.43%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ม.ค.60) ที่ 7.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.75/80 คาดทิศทางทรงตัวแคบถึงอ่อนค่าเล็กน้อย หลังไร้ปัจจัยสำคัญ
- รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ม.ค.ได้เรียกประชุมหน่วยงานศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติการเกษตร เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ความเสียหายและผลกระทบการให้ความช่วยเหลือทั้งช่วงการเผชิญเหตุ และช่วงการฟื้นฟูเพื่อปรับสภาพพื้นที่การเกษตร การประกอบอาชีพเกษตรกรรมของเกษตรกรที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ หรือพัฒนาให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม ขณะเดียวกันจะหารือถึงการเสนอ ครม.อนุมัติงบกลางปี 2560 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท จัดทำโครงการบรรเทาอุทกภัย จ.นครศรีธรรมราช
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการใหมกฤษฎีกา ได้ตอบกลับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่กระทรวงการคลังนำเสนอไปให้พิจารณา โดยเห็นว่าไม่ควรแยกเก็บภาษีที่ดินเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ควรรวมไว้กับการเก็บภาษีประเภทอื่น เพราะที่ดินเปล่านั้นมีทั้งเพื่อการเกษตรและเพื่อการพาณิชย์
- รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้รายงานให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ทราบถึงแนวโน้มและแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2560 เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ขยายตัวได้ 4% ภายใต้สมมติฐานจะมีการใช้งบประมาณผ่านโครงการและมาตรการต่างๆ เพื่ออัดฉีดวงเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวม 5.85 แสนล้านบาท
- กนอ.เผยยอดเช่านิคมปีงบ 59 พลาดเป้า เหลือ 2.5 พันไร่ จากหวังที่ 3 พันไร่ แต่ยังสูงกว่าปีงบ 58 ฟุ้งปี 60 ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น หลังมีมาตรการกระตุ้นออกมาเพียบ ชี้อีอีซีได้ประโยชน์สูงสุด
*หุ้นเด่นวันนี้
- TISCO (ฟินันเว๊ย ไซรัส"เป้าหมาย 72 เป็นหุ้นเด่นกลุ่มแบงก์แทน SCB และ KKP คาดกำไรสุทธิรวมของกลุ่มแบงก์ใน Q4/59 -12.5% Q-Q ชะลอเพราะค่าใช้จ่ายสูงในไตรมาสสุดท้าย แต่กำไรเพิ่มเล็กน้อย +4% Y-Y โดย TCAP น่าจะมีกำไรโดดเด่นสุด +15% Q-Q, +27% Y-Y จากสำรองที่ลดลง สำหรับปี 60 คาดกำไรกลุ่มแบงก์ +3% Y-Y ดีสุดในรอบ 3 ปีจากสินเชื่อฟื้นโต แต่แนวโน้ม H1/60 ยังถูกกดดันจากการตั้งสำรองสูงต่อไป TISCO มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดีลซื้อพอร์ตสินเชื่อรายย่อยในปีก่อนจะทำให้กำไรปี 60-61 โดดเด่น และคาด Dividend yield 5%
- BANPU (โกลเบล็ก) เป้า 21.75 บาท มองบวกงบ Q4/59 ต่อเนื่องถึงปี 60 กำลังจะตกลงราคาขายถ่านหินในปีหน้าซึ่งราคาปรับขึ้น 40-50% จากปี 59 ขณะที่คาดต้นทุนผลิตเพิ่มขึ้นเพียง 15-20% พร้อมคาดปี 59 พลิกกำไร 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากโรงไฟฟ้า BLCP และหงสาผลิตครบทั้ง 3 หน่วย คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ 9 พันล้านบาท +690%YoY จากราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น ด้านลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าผ่าน BPP (คิดเป็นมูลค่า 12.3 บาทต่อหุ้น) โดยดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 1.9 GW และกำลังก่อสร้างอีก 550 MW รวม 2.45 GW
- BCP (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 39 บาท ด้วยปัจจัยหนุนดังนี้ (1) มี Dividend Yield สูง ประเมินไว้ที่ 4.1% สำหรับปี 60 (2) ได้รับอานิสงส์มากสุดในกลุ่มจากอัตรากำไรน้ำมันเตาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (3) เห็นสัญญาณบวกจากโครงการโซลาร์ญี่ปุ่น หลังเริ่มทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (4) คาดผลประกอบการ Q4/59 ฟื้นตัวจากแรงหนุนธุรกิจโรงกลั่น