KTBST มอง SET สัปดาห์นี้ผันผวนจากแรงขายทำกำไร-ได้น้ำมันหนุน ให้กรอบ 1,550-1,580 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 9, 2017 10:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (9-13 ม.ค.) ว่า ทิศทางภาพรวมทั้งสัปดาห์จะเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรช่วงสั้นเข้ามามากขึ้น และวันนี้ตลาดน่าจะผันผวนเช่นกัน แรงซื้อจะลดลง หลัง SET Index ขึ้นมาเกือบ 5% โดยแทบไม่ได้หยุดพัก

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ มองแรงซื้อจะเริ่มกระจุกตัว ทั้งที่เป็น sector และหุ้นกันมากขึ้น ไม่กระจายไปเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา ยกเว้นมีปัจจัยใหม่ๆในระหว่างสัปดาห์ มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,550-1,580 จุด

สำหรับหุ้นที่เราให้ความสนใจจะยังเป็นหุ้นตัวหลักๆ ที่นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อ และหุ้นที่เป็น Laggard และหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี บางตัว ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น PTTEP , BBL ,SCC , BANPU , GFPT , PSH , PTL

นายวิน กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ คือ รายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ตัวเลขหลัก คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม ที่เพิ่มขึ้น 1.56 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่ถือว่ายังคงเพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นน้อยมาจากการปรับตัวเลขในอดีต อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการจ้างงานรายชั่วโมง ขยับจาก 25.90 เหรียญสหรัฐ/ชั่วโมง เป็น 26.00 เหรียญสหรัฐ/ชั่วโมง เป็นตัวที่นักลงทุนให้ความสนใจ

ทั้งนี้ ตีความว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณของเงินเฟ้อและการปรับขึ้นดอกเบี้ย ผลที่ตามมา คือค่าเงินดอลล่าร์ ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นด้วย แม้สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯยังดำเนินต่อไป แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี รวมๆแล้ว ยังคงเป็นบวกกับตลาดหุ้นอื่นๆ เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจประเทศอื่นๆอาจดีตามไปด้วย ผ่านทางการสั่งซื้อสินค้าที่มากขึ้น และค่าเงินที่อ่อนค่าลง

อย่างไรก็ตาม รายงานของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ออกคำสั่งแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน และนายทรัมป์เอง เริ่มนำนโยบายการค้าต่างประเทศมาพูดขู่จีนในเรื่องมาตรการด้านภาษี และการตั้งโรงงานของบริษัทรถยนต์โตโยต้าของญี่ปุ่นในประเทศเม็กซิโก มองประเด็นการค้าฯ ว่าอาจมีผลต่อหุ้นที่อิงส่งออกของไทย หากสัปดาห์นี้ มีการพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้น

ขณะที่ราคาน้ำมันจะยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย ราคาน้ำมันดิบ WTI มีแนวโน้มขึ้นไปซื้อขายในกรอบ 55-57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในสัปดาห์นี้ หลังนักลงทุนตอบรับต่อการทยอยปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมัน ทั้งนี้ ผู้ผลิตน้ำมัน จะมีการประชุมอีกครั้ง 20-21 ม.ค.เพื่อกำกับและติดตามผลการปรับลดการผลิตน้ำมันตามที่เคยตกลงกันไว้

สัปดาห์นี้ ต้องมาจับตาดู stock น้ำมันดิบสหรัฐฯและการใช้แท่นผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะ 2 ตัวแปรนี้ จะทำให้ราคาน้ำมันดิบผันผวนได้ ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันเริ่มชะลอการสูงขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องเริ่มปรับตัวลงหลังดีดตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับราคาสินค้าเกษตร 2 ตัว คือ ยางพาราและปาล์มน้ำมัน คาดจะดีดตัวขึ้นหลังเกิดภาวะน้ำท่วมภาคใต้ของไทยที่กินวงกว้างถึง 531,876 ไร่ ปฎิทินเศรษฐกิจต่างประเทศ สัปดาห์นี้มีน้อยที่สำคัญจะเป็นการรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ เดือน ธ.ค.ของจีน ในวันศุกร์ (13 ม.ค.)

ดังนั้น ปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ น่าจะเริ่มมีการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 4/59 โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะรายงานก่อนกลุ่มอื่น นอกจากนี้ การประชุม ครม.หากมีมาตรการสำคัญๆ ด้านเศรษฐกิจออกมาจะมีผลต่อตลาดหุ้นด้วย นักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อติดต่อกัน 5 วัน มียอดซื้อสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท จะเป็นแรงพยุงดัชนีฯ ขณะที่แรงขายทำกำไรของกองทุนฯ ในประเทศน่าจะเริ่มมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ