โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โรงพยาบาล ลาดพร้าว (LPH) จากแนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/59 จะพีคสุดของปี 59 หลังไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก หนุนให้กำไรสุทธิทั้งปี 59 เติบโตมาก และกำไรปี 60 แนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากแผนเพิ่มความสามารถในการให้บริการ โดยทางโรงพยาบาลจะทยอยเปิดให้บริการศูนย์โรคเฉพาะทาง (Excellent Center) ที่เหลืออีก 7 ศูนย์ ให้ครบทั้ง 9 ศูนย์ เพื่อขยายพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนและยกระดับการให้บริการในระยะยาว
ขณะที่ราคาหุ้นยัง Laggard มี Upside สูงเพื่อรอผลบวกจากแผนการลงทุนในปัจจุบัน และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในกลุ่ม ทำให้หุ้นเป็นที่น่าสนใจในการลงทุน
ราคาหุ้น LPH พักเที่ยงอยู่ที่ 9.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+1.06%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.4%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เออีซี ซื้อ 11.80 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 11.50 ไอร่า ซื้อลงทุน 11.05 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 10.90 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 10.10 เอเซีย พลัส ซื้อ 12.00
น.ส.ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เออีซี กล่าวว่า กำไรของ LPH ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 59 คิดเป็น 72.6% ของประมาณการทั้งปี 59 และยังคงประมาณการเดิมโดยช่วงไตรมาส 4/59 เป็นพีคของกำไร หลังฝนตกยาวนานกว่าปีก่อนและอากาศแปรปรวนสูง ทำให้มีโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก มือเท้าปาก ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ
ล่าสุดข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยาพบว่าตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค.59 มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สูงกว่าปีก่อนถึง 2 เท่า และคาดว่าฤดูหนาวตั้งแต่เดือน พ.ย.59-ก.พ.60 จะมีผู้ป่วยถึงเดือนละ 1.65-2.40 หมื่นราย สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จึงทำให้คาดปี 59 LPH จะมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง 69.6% และจะยังเติบโตต่อเนื่อง 15.3% ในปี 60 ตามประมาณการเดิม หลัง LPH มีแผนเพิ่มความสามารถในการให้บริการ โดยช่วงไตรมาส 1/60 จะมีการย้ายศูนย์เฉพาะทาง 9 ศูนย์จากอาคารเดิมไปเปิดให้บริการที่อาคารใหม่ Excellent Center เพื่อขยายพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนและยกระดับการให้บริการในระยะยาว
LPH เป็นหุ้น Laggard และยังมี Upside สูงสุดในกลุ่ม จากมูลค่าเหมาะสมปี 60 ที่ 11.80 บาท พร้อมคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ปีนี้ ราว 2.44% สูงสุดในกลุ่ม
"แนวโน้มกำไรปี 59 เติบโตราว 70% จากปีก่อนหน้า ไตรมาส 4 ยังเห็นการเติบโตที่ดีอยู่ เพราะมีโรคระบาดเกิดขึ้น ซึ่งปกติไตรมาส 4 จะชะลอ แต่ปีนี้ด้วยอากาศที่หนาวเย็นและมีโรคระบาดในเด็กเล็ก ทำให้ Utilization ทั้งกลุ่ม LPH ค่อนข้างสูง จึงเห็นแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 โต ขณะที่ปี 60 คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง 15% จากการเปิดตัวของอาคารใหม่ที่จะขยายในเดือนมีนาคม 60...ส่วนการขยายศูนย์เดิมไปอาคารใหม่ จะทยอยเปิดให้ใช้บริการถัดไปเรื่อย ๆ ในแง่ของราคาหุ้นยัง Laggard ขณะที่ Div. Yield ก็น่าสนใจ เทียบกับกลุ่มที่จ่าย 1% กว่า แต่ LPH จ่าย 2.4-2.5% ถือว่าสูงสุด"น.ส.ณัฏฐ์วริน กล่าว
ด้าน น.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/59 ของ LPH น่าจะโดดเด่นใกล้เคียงกับไตรมาส 3/59 โดยรายได้จากกิจการโรงพยาบาลน่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจากผู้ป่วยที่ยังคงเข้าใช้บริการหนาแน่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเด็กจากการระบาดของโรค ทั้งโรคมือเท้าปากและไข้หวัดใหญ่ ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวขยายตัวสูง
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้เฉลี่ยของผู้ป่วยใน (IPD) และรายได้เฉลี่ยของผู้ป่วยนอก (OPD) ของทั้งปี 59 น่าจะอยู่ที่ 2.4 หมื่นบาท/ครั้ง/เตียง และ 1.7 พันบาท/คน เพิ่มขึ้น 2% จากงวดปีก่อน และ 8% จากงวดปีก่อนตามลำดับ
ส่วนผู้ป่วยประกันตน น่าจะเข้ามาใช้บริการเพิ่มเต็มจำนวนโควตาที่ 1.61 แสนราย จากสิ้นไตรมาส 3/59 ที่มีผู้ป่วยประกันสังคมเข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 1.59 แสนราย โดยในไตรมาส 4/59 LPH น่าจะรับรู้รายได้พิเศษจากประกันสังคมของงวดเดือนม.ค.-มิ.ย.59 เข้ามาเพิ่ม รวมทั้งมีรายได้พิเศษจากเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลอีกราว 2-4 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการปี 59 ขยายตัวโดดเด่น ทางฝ่ายคงประมาณการรายได้จากกิจการโรงพยาบาลในปี 59 ไว้ที่ 1,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% และประมาณการกำไรปี 59 ที่ 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.5% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นปี 59 อยู่ที่ 24.8% จาก 23.1% ในปีก่อนหน้า
สำหรับปี 60 ในช่วงต้นปี LPH มีแผนจะเปิดให้บริการอาคารใหม่ 6 ชั้น หรืออาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โดยทางโรงพยาบาลจะทยอยเปิดให้บริการศูนย์โรคเฉพาะทาง (Excellent Center) ที่เหลืออีก 7 ศูนย์ ให้ครบทั้ง 9 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ศัลยกรรมกระดูก ศูนย์สมองและระบบประสาท (คาดจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1/60) ศูนย์ทันตกรรมและศูนย์ตรวจสุขภาพ (คาดจะเปิดให้บริการในไตรมาส 2/60) ศูนย์สูตินารีและศูนย์กุมารเวช (คาดจะเปิดให้บริการใน ไตรมาส 3/60) รวมทั้งเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยในอีก 30 เตียงและห้องตรวจสำหรับผู้ป่วยนอกอีก 80 ห้อง รวมเป็น 210 เตียง และห้องตรวจ 165 ห้อง ทำให้สัดส่วนผู้ป่วยเงินสดมีโอกาสขึ้นมาแตะที่ 55% จากคาดการณ์ 52% ในปี 59
แม้ว่าในช่วงแรกของการให้บริการโดยปกตินั้นต้นทุนคงที่ต่อรายได้จะสูง แต่คาดว่าจะกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นรวมไม่มากนัก เนื่องจากทางโรงพยาบาลมีลูกค้าที่เข้าใช้บริการในศูนย์เดิมก่อนที่จะมีการย้ายและปรับปรุง ตกแต่งให้เป็นศูนย์โรคเฉพาะทางอยู่ก่อนหน้าแล้ว อีกทั้งค่าเสื่อมราคาจากอาคารใหม่น่าจะรับรู้เข้ามาเพียงปีละ 10 ล้านบาท ทำให้ผลการดำเนินงานปี 60 มีโอกาสโตต่อเนื่องได้ ทางฝ่ายคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 60 ไว้ที่ 202 ล้านบาท ขยายตัว 19.8% ตามสมมติฐานรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่ 1,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6%
นอกจากนั้น แม้ผลการดำเนินงานปี 60 จะได้รับแรงกดดันจากค่าเสื่อมอาคารใหม่และการเปิดศูนย์โรคเฉพาะทาง แต่ทว่าทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลอยู่ในเขตพื้นที่ชุมชน ทำให้มีผู้ป่วยเข้าใช้บริการอยู่หนาแน่น น่าจะกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ ทางฝ่ายยังคงเชื่อว่ากำไรสุทธิปี 60 ของ LPH จะขยายตัวสูงต่อเนื่อง
"แนะซื้อให้ราคาพื้นฐานที่ 11.50 บาท มองปี 59 กำไรโต 67.5% ปี 60 โตต่อเนื่อง 15% จากทยอยเปิดศูนย์ความเป็นเลิศให้ครบ 7 ศูนย์เป็นปัจจัยหนุน"น.ส.รัศดา กล่าว
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า LPH มีแผนการเปิดอาคารใหม่เพื่อขยายกำลังการให้บริการอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า ในระยะสั้นจะเน้นการยกระดับศูนย์การแพทย์เฉพาะทางสู่ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โดยจะเปิดอาคารในช่วงม.ค.60 ซึ่งจะเพิ่มเพดานกำลังการให้บริการผู้ป่วย OPD ได้อย่างน้อยอีก 500 คน/วัน จากเดิม 3,400 คน/วัน หรือเพิ่มขึ้น 14.7% และเพิ่มกำลังการให้บริการผู้ป่วย IPD อีก 30 เตียง จากเดิม 180 เตียง หรือเพิ่มขึ้น16.7% นอกจากนี้ ยังสามารถรับรู้ค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นเนื่องจากมีการเตรียมพร้อมเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีโรคซับซ้อนได้
ขณะที่ในปี 61 LPH มีแผนจะเปิดอาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์แห่งที่ 2 ในช่วงกลางปี และในปี 62 จะมีการเปิด 2 โครงการคือ โรงพยาบาลลำลูกกา ศูนย์พักฟื้นผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
สำหรับผลการดำเนินงานของ LPH ในปี 59 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 66% ตามการเติบโตของรายได้ซึ่งมาจากการเปิดดำเนินการของศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 2 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์โรคตาและเลสิก และศูนย์ความงามและเลเซอร์ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวทำให้อัตราการทำไรขั้นต้นสูงขึ้น การระบาดของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ จากผลของอากาศแปรปรวนในฤดูฝนและฤดูหนาว ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตของบริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจหลักด้านการตรวจวิเคราะห์ทางอาหารและเกษตร คาดว่ารายได้จะเติบโตได้ราว 19% อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาล รวมทั้งมีการบันทึกกำไรพิเศษจากเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล ขณะที่หุ้นมี Upside จากราคาปัจจุบัน 22% เพื่อรอผลบวกจากแผนการลงทุนในปัจจุบัน
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่าจุดเด่นของ LPH คือ การเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 59 ที่ 65% และคาดว่าจะขยายตัวต่อ 24% ในปี 60 เป็นผลจากการขยายกำลังการให้บริการด้านการแพทย์ การเปิดศูนย์รักษาเฉพาะทางซึ่งส่วนนี้ให้มาร์จิ้นสูง และมีงบดุลที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้กำลังมองโอกาสที่จะลงทุนเพิ่ม แม้ว่าดีลโรงพยาบาลเดชาจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่LPH จะยังศึกษาเรื่องการลงทุนเพิ่มทั้งที่เป็นการเข้าซื้อกิจการและการลงทุนใหม่ ทั้งนี้ LPH มีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ และมีความพร้อมด้านการเงินที่จะลงทุน