บมจ.อาร์เอส (RS) มั่นใจปี 60 ผลประกอบการจะพลิกกลับเป็นกำไร พร้อมตั้งเป้ารายได้ 3.5 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนมาจากธุรกิจสื่อ 75% ตามด้วยสุขภาพและความงาม 15% ธุรกิจเพลง 5% และอื่น ๆ 5% พร้อมตั้งเป้าทีวีช่อง 8 สิ้นปีนี้จะมีจำนวนสายตาผู้ชม (Eye Ball) เพ่มเป็นเฉลี่ย 5 แสนรายต่อนาที และทำรายได้ราว 2 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการปรับราคาโฆษราเพิ่มให้สอคดล้องกับเรตติ้งที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้จะกลับมามีกำไร จากการที่ธุรกิจทีวีดิจิตอลที่มีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมี Eye Ball ของช่อง 8 เติบโตเป็นเฉลี่ย 5 แสนรายต่อนาที จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.5 แสนรายต่อนาที ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯสามารถปรับขึ้นค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นได้ โดยในปีนี้คาดว่าจะมีการปรับราคาค่าโฆษณาขึ้นราว 30-40% โดยเฉพาะในข่าวเช้าและรายการมวยที่ปรับค่าโฆษณาขึ้นถึง 100% สอดคล้องกับเรตติ้งที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
อนึ่ง RS ยังไม่ได้ประกาศงบการเงินของปี 59 แต่ในช่วง 3 ไตรมาสแรกบริษัทมีผลขาดทุนราว 39 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ที่ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากธุรกิจสื่อเป็นหลัก 75% ธุรกิจสุขภาพและความงาม15% ธุรกิจเพลง 5% และอื่นๆ 5% สำหรับธุรกิจทีวีดิจิทัล ช่อง 8 ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 2 พันล้านบาทใกล้เคียงปีก่อน โดยได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจดิจิตอลทีวีตอกย้ำ Positioning ของช่อง"เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์"ที่ชัดเจนอยู่แล้วให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในวงกว้าง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท เพื่อพัฒนาคอนเทนต์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯได้วางกลยุทธ์ The8perience มุ่งเน้นนำเสนอผ่าน 4 คอนเทนต์หลักๆ คือ ละคร ข่าว กีฬา และวาไรตี้ เป็นแรงส่งสำคัญผลักดันให้เรตติ้งของช่องเติบโต ทำให้จะเห็นคอนเทนต์บนหน้าจอแตกต่างกันไป
นายสุรชัย กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจทีวีดิจิทัลปีนี้จะดีขึ้นจากปีก่อน หลังคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) ประกาศใช้มาตรา 44 ขยายเวลาการจ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล และมีกองทุนวิจัยเข้ามาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมตามกฎ Must Carry รวมถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เมื่อสถานการณ์ภายในประเทศผ่อนคลายลง ทำให้เจ้าของสินค้ากลับมาใช้งบการตลาดและโฆษณามากขึ้น โดยคาดว่าเม็ดเงินค่าโฆษณาจะกระจุกตัวอยู่ในทีวีดิจทัล 5 อันดับแรกที่มีเรทติ้งสูงสุด
นอกจากนี้ "ไลฟ์สตาร์"ก็เป็นอีกธุรกิจที่โดดเด่นของบริษัทฯ เพราะแนวโน้มตลาดสุขภาพและความงามมีโอกาสเติบโตสูง เป็นผลมาจากคนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันไปแล้ว โดยหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ปีนี้บริษัทฯจะเน้นทำการตลาดเชิงรุก อาทิ การขยายช่องทางการขยายสินค้าอย่าง โมเดิร์นเทรดและร้านผลิตภัณฑ์เสริมความงามทั่วประเทศ รวมไปถึงการเผยแพร่ภาพยนต์โฆษณา เพื่อที่จะสร้างความรู้และจดจำในวงกว้างรวดเร็วที่สุด
ด้านธุรกิจเพลงมีรายได้และกำไรดูแลตัวเองได้ เนื่องจากมีการปรับโมเดลใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงตลอดทั้งปี โดยในปีนี้บริษัทฯจะมีการออกเพลงใหม่มากกว่าปีก่อนอีกเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นผลงานเพลงลูกทุ่งแท้ หมอลำ เพื่อชีวิต ป๊อบ แดนซ์ ตอบโจทย์ผู้ฟังทุกเพศทุกวัย โดยศิลปินทุกคนมีส่วนร่วมในการลงทุนผลิตและวางแผนผลงานเพลงที่ส่งผลดีต่อตัวศิลปินในแง่การรักษาคุณภาพและมาตรฐานของชิ้นงาน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้บริษัทบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้แม่นยำมากขึ้น
ขณะที่ คลื่นวิทยุ Cool 93 ฟาเรนไฮต์คาดว่าจะมีรายได้ที่เติบโตสวนกระแส เนื่องจากมีความแข็งแกร่งในเรื่องของแบรนด์ ที่ดูได้จากเรตติ้งช่วงที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและฐานผู้ฟังรวมทุกช่เงทางทั่วประเทศกว่า 4 ล้านรายต่อดดือน เป็นผลจากการปรับตัวเองเป็น Music Station หรือสถานีเพลงที่รับฟังได้ทุกช่องทาง
"ปีนี้ภาพรวมในทุกๆธุรกิจของเราจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของทีวีดิจิทัลที่มีการปรับราคาค่าโฆษณาขึ้นค่อนข้างมากสะท้อนเรทติ้งที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปีนี้จะทำกลยุทธ์การขยายธุรกิจแบบเชิงรุกในทุกๆธุรกิจของเรา ประกอบกับเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตได้ดีกว่าปีก่อน จะเห็นได้การที่ภาครัฐได้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการโดยรวมกลับมามีกำไรได้อย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันเรายังได้พันธมิตรใหม่อย่างธนาคารกรุงเทพเข้ามา ก็ทำให้เรามีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้นไปอีกด้วย"นายสุรชัย กล่าว