นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพซ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าปีนี้ผลประกอบการจะพลิกกลับมาทีกำไรอย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทฯเตรียมโอนโครงการมหานคร ที่ปัจจุบันมีมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ 9,000 ล้านบาท และจะเร่งขายส่วนที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/60 จะเริ่มโอนโครงการมหาสมุทร หัวหิน ราว 1,000-2,000 ล้านบาท และคาดว่ารายได้จากธุรกิจอาหารจะมีการเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่ราว 3,500 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทเตรียมที่จะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อีก 2-3 โครงการ มูลค่าราว 10,000 ล้านบาท โดย 2 แห่งแรกบริษัทเตรียมที่ดินไว้รองรับการพัฒนาโครงการแล้ว คือ ที่ถนนนราธิวาสฯ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่า 3,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมที่เมืองนิเซโกะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นโครงการบ้านพักตากอ่ากาศ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ส่วนแห่งที่ 3 อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อที่ดินเพิ่มเติม
ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ คือ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ในโครงการมหานคร โครงการมหาสมุทรวิลล่า และ โครงการนิมิต หลังสวน มูลค่าราว 30,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 60-62
สำหรับเงินที่ได้จากการเข้ามาร่วมลงทุนของ อพอลโล เอเชีย สปรินท์ โฮลดิ้ง คอมปานี ลิมิเต็ด และโกลด์แมน แซคส์ อินเวสท์เม้นท์ส โฮลดิ้งส์ (เอเชีย) ลิมิเต็ด มูลค่า 8,400 ล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้พัฒนาโครงการมหานคร รวมถึงโรงแรมบางกอก เอดิชั่นและรูฟท็อปบาร์ จุดชมวิว ออบเซอร์เวชั่น เด็ค และรีเทล มหานคร คิวบ์ ให้เสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งชำระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันของบริษัทย่อย 2 แห่งที่พันธมิตรต่างประเทศจะเข้ามาถือหุ้น
นายสรพจน์ กล่าวว่า ภายหลังจากการนำเงินบางส่วนไปชำระหนี้ให้กับสถาบันทางการเงินที่กู้มาเพื่อลงทุนโครงการมหานคร จะส่งผลให้ระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทฯลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสิ้นไตรมาส 1/60 จากปัจจุบันอยู่ที่ 8 เท่า ซึ่งบริษัทฯคาดหวังว่าจะลดลงมาอยู่ในระดับ 2-3 เท่า ขณะเดียวกันบริษั่ทเตรียมล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด 3,746.70 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะใช้กำไรจากผลการดำเนินงาน และเงินที่ได้จากการระดมทุน คาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดภายในปีนี้
"ปีที่ผ่านๆมาเรามีค่าใช้จ่ายเงินกู้จากการลงทุนโครงการมหานคร ซึ่งปีนี้เราจะมีการโอนค่อนข้างมากในปีนี้ และเร่งขายส่วนที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาทด้วย ในขณะเดียวกันเรายังจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้หนี้สถาบันการเงินบางส่วนด้วย ซึ่งทำให้ภาระดอกเบี้ยปรับตัวลดลงด้วย จึงทำให้เรามั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้จะกลับมามีกำไรได้อย่างแน่นอน ซึ่งต่อจากนี้เราจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีทั้งธุรกิจอาหาร อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า และอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อให้มีเสถียรภาพของรายได้ โดยมีตัวอย่างให้เห็นชัดเจนคือ MINT และ CPN "นายสรพจน์ กล่าว
นายสรพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯจะขยายสาขา ร้าน dean & deluca อย่างต่อเนื่อง ทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา โดยตั้งเป้าหมายที่จะนำธุรกิจดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2-4 ปีข้างหน้า