นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ราว 20% หรือมาอยู่ที่ 3,100 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 20% จากการขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการควบคุมค่าใช้จ่ายในเรื่องของต้นทุนได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ที่ 160 ล้านบาท แบ่งเป็นขยายสาขาใหม่จำนวน 110 ล้านบาท โดยในประเทศจะเพิ่มสาขา BEAUTY BUFFET 30 สาขา , BEAUTY COTTAGE 15 สาขา และ BEAUTY MARKET 5 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 332 สาขา
ขณะที่ต่างประเทศ สาขาที่เป็น Independent shop จำนวน 14 สาขา ได้แก่ ในกัมพูชา 2 สาขา , ลาว 1 สาขา , พม่า 1 สาขา และเวียดนาม 10 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 40 สาขา และในรูปแบบ Shop in Shop ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายแล้วทั้งหมด 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย 19 สาขา ฮ่องกง 100 สาขา ไต้หวัน 19 สาขา
นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า บริษัทมีแผนการขยายตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มอีก โดยยังคงเน้นในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 รายภายในไตรมาส 1/60 ถึงไตรมาส 2/60 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างศึกษาการตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนด้วย คาดน่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 3 ปีจากนี้ ทั้งนี้ เพื่อไปสู่เป้าหมายผลักดันสัดส่วนยอดขายต่างประเทศขยับเพิ่มขึ้นเป็น 8% ในปีนี้ จากปีก่อนอยู่ที่ 6% และในระยะ 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้าจะเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 10%
พร้อมกันนี้จะนำเงินลงทุนไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 50 ล้านบาท ด้วยการพัฒนาระบบซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยอดขาย และปรับปรุงอาคารสำนักงานแห่งเดิมและแห่งใหม่ให้เป็น Happy work place เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต
นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังจะมุ่งเน้นการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยวางงบการตลาดที่ 3% ของยอดขายรวม และตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายออนไลน์ในปีนี้เป็น 3% จากปีก่อน 2% ขณะที่มองภาพรวมน่าจะเติบโตได้ราว 10% จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 9% เป็นไปตามการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่มีผู้แข่งขันมากขึ้น และมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเพิ่มการผลิตในส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพิ่มอีก 4-5 SKU จากปัจจุบันมีแล้ว 3 SKU
"ปี 60 ถือว่าเป็นปีของการลงทุนและพัฒนาในทุกส่วนที่เป็น Key Driver ขององค์กร เพื่อให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืน โดยจะมีการพัฒนาบุคคลากรทั้งในส่วนของสำนักงานและหน้าร้านให้มีความรู้ความสามารถในงานเพิ่มมากขึ้น และเติมเต็มบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโต การลงทุนและพัฒนาเครื่องมือ สำหรับนำ data และ Information มาใช้เพื่อให้เกิดความได้เปรียบสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ มีนโยบายที่จะให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการขายมากขึ้น อีกทั้งยังมีการขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มอีก"นายแพทย์สุวิน กล่าว
นายแพทย์สุวิน ยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังเตรียมเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ คือ เกาหลี และสิงคโปร์ ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นบนกระดานมากขึ้น จากปัจจุบันสถาบันต่างประเทศ ถือหุ้นในสัดส่วนกว่า 20% อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สุวิน ยืนยันว่า จะไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่ออกไปแล้ว โดยจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ที่ 26% ตามเดิม