นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) คาดว่าปีนี้จะมีความชัดเจนในการเข้าซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียม 2-3 แห่งในบริเวณอ่าวไทย และเมียนมา ซึ่งเป็นไปตามแผนงานของบริษัทที่ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ และการเข้าซื้อกิจการ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองและปริมาณการผลิตปิโตรเลียมให้กับบริษัทในระยะยาว
สำหรับการลงทุนในแหล่งออยล์แซนด์ในประเทศแคนนาดา ขณะนี้ได้ทำแผนปรับลดเงินลงทุนให้มากที่สุด หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเข้ามารับตำแหน่ง ก็อาจจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นและน่าจะเป็นผลดีต่อราคาและยอดขายปิโตรเลียม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีความเป็นห่วงเรื่องการประมูลสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุในปี 65-66 ซึ่งรวมถึงแหล่งบงกช ที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินการอยู่ด้วยนั้น จะมีความล่าช้า ทำให้บริษัทได้ปรับลดแผนลงทุนในหลุมผลิตใหม่ ๆ ในแหล่งบงกชลง เพราะมีความเสี่ยงในการรอประมูล แต่ก็พยายามที่จะรักษาระดับการผลิตในหลุมผลิตที่ผลิตได้อยู่แล้วให้ได้มากที่สุด และการปรับลดประมาณการลงทุนในอนาคตดังกล่าว ทำให้งบการลงทุนตามแผน 5 ปี (ปี 60-64) ของบริษัทปรับลงจากประกาณการเดิม อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 ปี ทั้งงบลงทุนและปริมาณการขายจะต่ำกว่าประมาณการเดิมเล็กน้อยเท่านั้น
อนึ่ง PTTEP ตั้งงบประมาณการลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 60-64) ที่ระดับ 14,950 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นงบลงทุนในปีนี้ รวม 2,903 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมในปีนี้อยู่ที่ 312,000 บาร์เรล/วัน และลดลงมาที่ 263,000 บาร์เรล/วันในปี 64 ซึ่งเป็นช่วงที่แหล่งบงกช ใกล้หมดอายุสัมปทาน โดยประมาณการการลงทุนและปริมาณการขายปิโตรเลียมดังกล่าว ยังไม่นับรวมดีลการเข้าซื้อกิจการใหม่ ๆ