สมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiMBA) คาดว่า มูลค่าการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวในปี 60 อยู่ที่ราว 6 แสนล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ 8.12 แสนล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการออกหุ้นกู้ของบมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC)
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ ThaiBMA กล่าวว่า มูลค่าการออกตราสารหนี้ระยะยาว จำนวน 6 แสนล้านบาท แบ่งเป็น จาก M&A มุลค่า 80,000 ล้านบาท, จากการขยายตัวของ GDP ปี 60 ที่คาดขยายตัว 3-4% มูลค่า 80,000 ล้านบาท, หุ้นกู้ BASEL ที่สามารถ Call ได้ มูลค่า 120,000 ล้านบาท และ จากหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด refinance รวมมูลค่า 320,000 ล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond Yield) มองว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นทรงตัวตามดอกเบี้ยนโยบายที่จะคงอยู่ในระดับ 1.5% ไปอีกระยะหนึ่ง โดยมีโอกาสจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่ม 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อซึ่งอาจจะขยับขึ้นชัดเจนในครึ่งปีหลัง
ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปี มิทิศทางเป็นช่วงขาขึ้น ซึ่งอาจจะมีการปรับขึ้นเร็วกว่าคาด จากปัจจัยหลักคือนโยบายเศรษฐกิจการค้าของว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐ ที่จะมีผลในการกระตุ้นเงินเฟ้อ และจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ระหว่างปีอาจมีความผันผวนค่อนข้างมากเป็นระลอกจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ยังไม่มีความชัดเจน เช่น การเจรจาในขั้นตอนของกระบวนการออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปของอังกฤษ รวมถึงการเลือกตั้งในหลายประเทศของยุโรป
"แนวโน้มอัตราผลตอบแทนปี 60 ดอกเบี้ยระยะยาวมีทิศทางขยับขึ้นชัดเจนจากการปรับดอกเบี้ยสหรัฐฯที่ขยับขึ้น เพราะนโยบาย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่วนดอกเบี้ยนโยบายคาดคงที่ครึ่งปีแรก ส่วนครึ่งปีหลังรอดูเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ"นายธาดากล่าว
ขณะที่ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยในปี 59 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ดีที่สุดของด้วยการออกตราสารหนี้ระยะยาวภาคเอกชนที่มีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 812,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.6% จากปีก่อนหน้าที่ 594,711 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจที่มีการออกมากสุด (หากไม่รวมกลุ่มธนาคารและเงินทุนหลักทรัพย์) คือ กลุ่มธุรกิจพาณิชย์ 15% รองลงมา กลุ่มพัฒนาอสังหาฯ 11% กลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค 8% วัสดุก่อสร้าง 7.9% โดยมีมูลค่าคงค้างรวม 10.85 ล้านล้านบาท
ด้านเงินลงทุนจากต่างชาติสุทธิเพิ่มขึ้น 62,071 ล้านบาท เป็นการพลิกกลับมาเป็นบวกหลังจากที่ปี 58 ต่างชาติลดการลงทุนในตราสารหนี้ไทยสุทธิ 110,130 ล้านบาท
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปี 59 มีความผันผวนมาก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับลดลงมาที่ระดับต่ำสุดของปีเมื่อ เม.ย.ที่ 1.54% จาก 2.49% สิ้นปี 58 จากนั้นค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นจนพ.ย.หลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่อัตราผลตอบแทนมีการปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลับมาที่ 2.67% ปลายธ.ค.59 ส่งผลให้ vield cure มีความชันมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงอายุ 1-20 ปี เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
"การที่ vield cure มีความชันมากขึ้น นักลงทุนอาจเปลี่ยนพฤติกรรมจากที่เคยลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อรับผลตอบแทนในระดับที่ตนเองต้องการ มาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำในอายุยาวขึ้นโดยได้รับผลตอบแทนไม่ต่างจากเดิม ดังนั้น ตราสารหนี้ High Yield ที่เคยได้รับความนิยมอย่างมากจากนักลงทุนในปีที่ผ่านมา อาจได้รับความสนใจน้อยลง จึงขอให้ผู้ออกตราสาหนี้เตรียมสภาพคล่องให้เพียงพอรองรับการครบกำหนดไถ่ถอนของตราสารหนี้ระยะสั้นในกรณีที่นักลงทุนไม่ประสงค์จะลงทุนต่อ"นายธาดา กล่าว