นายนรากร ราชพลสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ในปี 2560 ไว้ที่ 420 ล้านบาท โดยแผนธุรกิจในปีนี้จะมุ่งเน้นขยายฐานรายได้ในหลากหลายอุตสาหกรรมนอกเหนือจากกลุ่มยานยนต์ เพื่อลดความเสี่ยงไม่พึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง พร้อมกับเจาะตลาดงานระบบออโตเมชั่น ซึ่งมองว่างานดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการ เนื่องจากยังมีหลายภาคอุตสาหกรรมยังมีความต้องการใช้เครื่องจักรกลเข้ามาแทนที่
"คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้น่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้างในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อาจไม่ได้เป็นการเติบโตขึ้นมากนัก อีกทั้งในด้านอุตสาหกรรมการเกษตรก็ยังคงประสบปัญหาด้านราคาพืชผลที่ตกต่ำ ทั้งนี้บริษัทฯคาดการณ์ว่าในอุตสาหกรรมอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจที่จำเป็น และมีความต้องการใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อการผลิต และความต้องการลดแรงงานคน โดยใช้จักรกลเข้ามาแทนที่นั้น จะเป็นจุดเด่นและความสามารถหลักของบริษัทฯ ที่จะสร้างฐานรายได้และตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้ในทุกอุตสาหกรรม"นายนรากร กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่ยกมาจากปี 2559 รวมมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท แบ่งเป็นงานในกลุ่มพลาสติก 25 ล้านบาท งานกลุ่มยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่น 35 ล้านบาท และงานเครื่องจักรของสาขาต่างประเทศ 10 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดรับรู้รายได้ในรอบไตรมาส 1/60 ประมาณ 40 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างประมูลมูลค่า 145 ล้านบาท แบ่งเป็นงานกลุ่มเครื่องจักร 125 ล้านบาท และงานออโตเมชั่น 20 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์นี้
สำหรับสัดส่วนเป้าหมายรายได้ปีนี้แบ่งเป็นดังนี้ 1.งานออกแบบและผลิตเครื่องจักรในหลากหลายอุตสาหกรรม (ยานยนต์, พลาสติก,เกษตร, และอื่นๆ) สัดส่วน 65% 2.งานออกแบบและผลิตระบบอัตโนมัติในการผลิต (ระบบออโตเมชั่น) สัดส่วน 20% 3.งานระบบขนส่งลำเลียงแบบอัตโนมัติ (Logistic Automation) สัดส่วน 3% 4.งานระบบประหยัดพลังงาน (Energy Conservation) สัดส่วน 12%
ในภาพรวมสัดส่วนฐานรายได้ปีนี้ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งเป็นปีที่กิจการเพิ่งเริ่มสร้างรายได้จากกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นนอกจากอุตสาหกรรมของยานยนต์ที่ยังคงชะลอตัวอยู่ ซึ่งเดิมรายได้จากเครื่องจักรกลการเกษตรและอุตสาหกรรมพลาสติก รวมกันประมาณ 10% และรายได้จากกลุ่มยานยนต์รวมประมาณ 90%
สำหรับงบลงทุนปีนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการแล้วรวมวงเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งใช้ในการจัดซื้อเครื่องจักร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตที่สาขาในประเทศอินเดียและทดแทนเครื่องจักรเดิม นอกจากนี้ ใช้ลงทุนอุปกรณ์ระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ รวมถึงการเพิ่มบุคคลากรด้านฝ่ายขายเพื่อมุ่งเน้นการหารายได้จากฐานลูกค้าในธุรกิจใหม่ โดยใช้เงินลงทุนจากการแผนการเพิ่มทุนส่วนของการแปลงสิทธิจาก Warrant ในช่วงปลายเดือนเมษายน 2560