นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาสิริ กรุ๊ป (THANA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และยอดขายปี 60 เติบโต 20% จากปีก่อน ซึ่งการขยายตัวของบริษัทในปีนี้จะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพราะบริษัทมองแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยังไม่ฟื้นตัวขึ้นชัดเจน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศชะลอตัว
ประกอบกับกำลังซื้อในประเทศถูกกดดันจากภาวะหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และมีผลต่ออัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคาร โดยอัตราการปฏิเสธสินเชื่อลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทในปีก่อนอยู่ 20% ซึ่งบริษัทจะพยายามลดอัตราดังกล่าวให้ลงอยู่ในระดับ 10% ซึ่งจะมีการเพิ่มความเข้มข้นของเอกสารที่ลูกค้าเตรียมยื่นให้กับธนาคารพิจารณาสินเชื่อ เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อ
นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะโครงการใหม่ 1 โครงการ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวทำเลย่านปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ราคาขายยูนิตละ 8-16 ล้านบาท ซึ่งวางแผนเปิดขายในไตรมาส 2/60 โดยในปีนี้จะเปิดตัวเพียง 1 โครงการ เพราะบริษัทต้องการเน้นขายโครงการที่เปิดตัวไป 3 โครงการเมื่อปลายปีก่อน มูลค่าโครงการรวม 1.5 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยวในจังหวัดอุดรธานี มูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น, โครงการทาวน์โฮม ราชพฤกษ์-บางพลู มูลค่าโครงการ 334 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม ธนาคลัสเตอร์ สถานีรถไฟฟ้าเซ็นทรัล-บางใหม่ มูลค่าโครงการ 340 ล้านบาท
โครงการที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วยังมียอดขายไม่ค่อยสูงมากนัก จากภาวะการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทย รวมทั้งปัจจัยภายในประเทศที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีก่อน ทำให้บริษัทเห็นยอดลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการลดลงไปค่อนข้างมาก ส่งผลให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดใหม่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โดยหันมาเน้นการทำตลาดออนไลน์มาร์เก็ตติ้งผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มากขึ้นเพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น
ประกอบกับ บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งธนาคารพาณิชย์และองค์กรต่าง ๆ ในการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้กับกลุ่มลุกค้าธนาคารและพนักงานองค์กร เพื่อเข้าถึงลูกค้าแทนการรอลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ โดยผลตอบรับในระยะสั้นที่ผ่านมาบริษัทเห็นยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นหลังจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งงบการตลาดไว้อยู่ที่ 3-3.5% ของยอดขายรวม โดยยังคงเน้นการทำการตลาดแบบออนไลน์มาร์เก็ตติ่ง
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการระบายสต็อกโครงการพร้อมขายที่มีอยู่ราว 3 พันล้านบาท หลังจากช่วงที่ผ่านมาลงทุนเปิดโครงการไปมากพอสมควรแล้ว ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจะไม่มีการลงทุนมากนัก รวมไปถึงจะเน้นการลดภาระหนี้สินต่าง ๆ ให้ลดลง และการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนกลับคืนมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท ในช่วงภาวะที่ภาพรวมของตลาดยังไม่ค่อยดีและการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
ส่วนงบที่ใช้ซื้อที่ดินในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 300-500 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับรองรับการพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติมหากภาวะตลาดในช่วงต่อจากนี้กลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน แต่หากยังไม่ฟื้นบริษัทก็อาจจะเก็บที่ดินรอไว้พัฒนาในปีต่อไป โดยทำเลที่บริษัทจะซื้อที่ดินยังเน้นโซนที่บริษัทมีความชำนาญ เช่น ย่านนนทบุรี ราชพฤกษ์ หรือปิ่นเกล้า เป็นต้น
นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม แต่ยังไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะเห็นแห่งแรกเมื่อใด โดยจะต้องขึ้นกับโอกาสและจังหวะเวลาที่เหมาะสม ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมที่จะต้องเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนก่อน คาดว่ายังไม่เห็นความชัดเจนในปีนี้ โดยหากจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเบื้องต้นบริษัทจะหาพันธมิตรในประเทศเข้ามาร่วมทุน ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดคอนโดมิเนียมหรือมีที่ดินในกรุงเทพฯหรือแนวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม