"เอเชีย เวลท์"มอง SET สัปดาห์นี้ 1,563-1,585 จุด แม้ปัจจัยตปท.กดดัน แต่คาดกำไรบจ. Q4/59 ดีหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 16, 2017 11:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะแถลงหลังพิธีสาบานเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ซึ่งตลาดมีความกังวลว่านายทรัมป์ จะออกนโยบายการคลังตามที่หาเสียงไว้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นรับข่าวนโยบายของทรัมป์ที่หาเสียงไว้ก่อนหน้านี้แล้วมากทีเดียว

ประกอบกับ ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/59 ของสหรัฐฯ หากผลประกอบการออกมาดี หุ้นจะไปต่อได้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ จะมีกำไรโตประมาณ 5%

ด้านราคาน้ำมันน่าจะเคลื่อนไหวในช่วง 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเลิกการนำเข้าน้ำมัน หันกลับมาเร่งขุดใช้ Shale gas และ Shale oil ภายในประเทศตามที่หาเสียงไว้ ราคาน้ำมันจะถูกกดดันอย่างหนัก

นอกจากนี้ จะต้องติดตามการประชุม World Economic Forum ที่สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งปีนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วม โดย ประธานาธิบดีจีน จะเป็นผู้กล่าวนำ ซึ่งจะเน้นเรื่อง Globalization ซึ่งจะตรงข้ามกับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ ในฟากยุโรป คาดว่ายุโรปจะหันมาทำการค้ากับเอเชียมากขึ้น หลังจากโดนสหรัฐฯปรับหนักในกรณีต่างๆ เช่น ดอยช์ แบงก์,Royal Bank of Scotland,และกรณี โฟล์คสวาเกน

สำหรับในเอเชีย นักลงทุนมีความกังวลในนโยบายกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำกล่าวตอนหาเสียงที่นโยบายการที่จะประนามจีนในเรื่องการแทรกแชงตลาดเพื่อควบคุมค่าเงินของตน

ด้านไทยเอง การประกาศผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 4/59 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาแข็งแกร่งจากที่ตกต่ำในปี 2558 และผลประกอบการที่ผ่านมาในปี 59 ที่ปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น สำหรับสัปดาห์นี้ จึงมองว่า SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1,563-1,585 จุด

ในสัปดาห์นี้ Trading Idea แนะนำ"ซื้อ"หุ้นของ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) โดยให้ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท เนื่องจากพื้นฐานอันแข็งแกร่งจากการเติบโตของกำไรที่มั่นคง อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร คุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี

โดยคาดกำไรของ TISCO ในปีนี้จะยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 12.1% หนุนโดยการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลง 14.8% และอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิในระดับสูงที่ 3.94% การเติบโตของกำไรดังกล่าวจะช่วยผลักดัน ROE ของธนาคารอยู่ที่ 17.0% สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร

ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ในปี 59 ลดลงอยู่ที่ 2.54% จาก 3.04% ในไตรมาส 3/59 ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ 139.8% จาก 107% ในไตรมาส 3/59 ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการปรับชั้น NPL ของ SSI ใหม่ คาดว่าแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ของ TISCO จะยังคงดีขึ้นในปีนี้หนุนโดยสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

นอกจากนั้นแล้ว คาดว่าการสิ้นสุดระยะเวลาห้ามโอนรถยนต์เป็นเวลา 5 ปีในโครงการรถยนต์คันแรก จะช่วยทำให้สินเชื่อของธนาคารฟื้นตัวในปี 60 โดยน่าจะค่อย ๆ หยุดหดตัวและเริ่มทรงตัวได้ในช่วงกลางปี

อีกทั้ง ธนาคารคาดว่ากระบวนการโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) จะเสร็จสิ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นครึ่งหลังของปีนี้ การโอนธุรกิจดังกล่าวคาดว่าจะช่วยผลักดันสินเชื่อของธนาคารเติบโต 15% มองว่าปัจจัยนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรต่อไปในอนาคตจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและรายได้จากการ cross-sell มากขึ้น

"คาดว่ากำไรจะเริ่มเห็นผลเต็มปีในปี 61 โดยเติบโต 12.9% นอกจากนั้นแล้ว หุ้น TISCO ยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ดีมากที่ราว 4.4% ในปี 60 ด้าน Technical รูปแบบราคามีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน บ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High อีกด้วย โดยมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 67.25 บาท ซึ่ง TISCO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 62.00 บาท และมีแนวต้านที่ 64.00, 64.25, และ 64.75 บาท และแนวรับที่ 63.50, 63.00, และ 62.75 บาท"นายวรุตม์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ