โบรกฯเชียร์"ซื้อ"SAWAD มองดีลซื้อ BFIT ลดเสี่ยงธุรกิจ-แหล่งเงินถูกลง,Q4/59 กำไรนิวไฮ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 17, 2017 13:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) โดยมองว่าการเข้าซื้อกิจการ บง.กรุงเทพธนาทร (BFIT) ช่วยลดความเสี่ยงธุรกิจ หลังรัฐบาลประกาศใช้กฎหมายห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฉบับใหม่ ซึ่งแม้จะยังคงห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราทีกฎหมายกำหนดไว้ คือ 15% ต่อปี แต่ได้เพิ่มบทลงโทษที่มีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจาก BFIT ไม่ได้ถูกควบคุมด้วยกฎหมายดังกล่าว

SAWAD เข้าซื้อกิจการ BFIT ครั้งนี้ เพื่อทำหน้าที่การปล่อยกู้สินเชื่อแทน นอกจากนี้ SAWAD ยังได้แหล่งเงินทุนที่ต่ำลงและแหล่งเงินที่หลากหลาย เพราะ BFIT สามารถออกหุ้นกู้และตั๋ว P/N ระดมเงินฝากจากลูกค้ารายใหญ่ได้ง่าย

ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงไฮซีซั่น และเติบโตตามการเปิดสาขาใหม่ โดยปี 59 กำไรสุทธิคาดอยู่ที่ 1.98 พันล้านบาท และ ปี 60 เพิ่มเป็น 2.5-2.7 พันล้านบาท

ราคาหุ้น SAWAD ปิดเที่ยงอยู่ที่ 39.25 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.63%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.09%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ซีไอเอ็มบี                       ซื้อ                    58.00
          เอเซีย พลัส                     ซื้อ                    57.00
          ฟินันเซีย ไซรัส                   ซื้อ                    55.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                ซื้อ                    52.50
          กรุงศรี                       Out perform             52.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)              ทยอยซื้อ                44.25

นางสาวอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า จากการที่ SAWAD เข้าซื้อหุ้น BFIT เพิ่มเติมในสัดส่วน 26.51% จากผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่ง ราคาหุ้นละ 10.50 บาท (เมื่อรวมกับหุ้น BFIT ที่ SAWAD ถืออยู่เดิมสัดส่วน 9.8% จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 36.35%) นอกจากนี้ ยังจะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ BFIT (Voluntary Tender Offer) จำนวน 127.30 ล้านหุ้น ที่ราคาไม่เกินหุ้นละ 11.42 บาท รวมเป็นเงิน 1.45 พันล้านบาท

หากดีลนี้จบจะทำให้ SAWAD ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ที่ให้ BFIT เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อแทน และจะทำให้ SAWAD เก็บอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้เหมือนเดิม เพราะ BFIT อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ไม่ได้ควบคุมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ ทั้งนี้ เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายสัญญาเงินกู้ที่กฎหมายสัญญาเงินกู้ของกลุ่ม Non Bank ที่ SAWAD อยู่ในสถานะนี้จะถูกควบคุมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อไม่เกิน 15% ต่อปี จากปัจจุบัน SAWAD ปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยกว่า 20% หรือ เดือนละ 2%

นางสาวอุษณีย์ คาดว่าผลจากการเข้าซื้อ BFIT จะเสร็จสมบูรณ์ภายในครึ่งแรกปี 60 และในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มรับรู้ผลการเข้าซื้อกิจการ BFIT โดยคาดว่าหลังทำเทนเดอร์ฯ SAWAD จะเข้ามาถือหุ้นใน BFIT เต็ม 100%ได้ จะทำให้ทิศทางกำไรหลังปรับโครงสร้างกิจการยังแข็งแกร่งเช่นเดิม

ขณะที่ จำนวนสาขาในปี 59 ขยายตัวมากเป็น 2,130 สาขา จากปี 57 มีจำนวนสาขาเพียง 400 สาขา ทำให้อัตราการเติบโตสูง โดยในปี 59 สินเชื่อเติบโตเกิน 50% และคาดว่ากำไรจะเติบโตตามไปด้วย ทั้งนี้ SAWAD ยังคงมีแผนขยายสาขา 200-300 สาขาต่อปี

พร้อมทั้งคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 จะเติบโต 37% เป็น 2.7 พันล้านบาท จากปี 59 ที่คาดไว้ที่ 1.98 พันล้านบาท ซึ่งเติบโต 48% จากปี 58

นายนำชัย เตชะรัตนะวิโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ กล่าวว่า มองดีลการเข้าซื้อกิจการ BFIT จะเป็นปัจจัยบวกต่อ SAWAD โดยบริษัทได้ลดความเสี่ยงธุรกิจ จากที่จะถูกควบคุมการปล่อยสินเชื่อเงินกู้ในกลุ่ม Non Bank แต่บริษัทจะนำ BFIT เป็นผู้ให้สินเชื่อแทน เพราะ BFIT อยู่ภายใต้การดูแลของธปท.ที่อนุญาตให้เก็บอัตราดอกเบี้ยได้โดยไม่มีเพดาน ทำให้ความเสี่ยงนี้หมดไป

“จังหวะเข้าซื้อถือว่าเป็นจังหวะค่อนข้างดี ความเสี่ยงธุรกิจจะปลอดภัย เพราะ BFIT อยู่ภายใต้การดูแลของแบงก์ชาติ ที่อนุญาตให้ทำได้"นายนำชัย กล่าว

นอกจากนี้ BFIT ก็ยังสามารถระดมทุนได้เอง ได้แก่ การออกตั๋ว P/N การออกหุ้นกู้ เป็นต้น จะทำให้บริษัทมีต้นทุนการเงินลดลง ดังนั้นจึงแนะนำ"ซื้อ" และปรับเพิ่มเป้าหมายในปี 60 จาก 45.50 บาท เป็น 52.50 บาท โดยปรับเพิ่มขึ้นกำไรสุทธิในปี 60-61 เป็น 2.66 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปี 59 และ 3.47 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 60 ตามลำดับ

บทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสืน ระบุว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 ออกมาแล้วนั้น เชื่อว่าไม่ได้กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มการเงินที่ศึกษาอยู่ ซึ่งรวมถึง SAWAD ที่ดำเนินการปล่อยสินเชื่อทีมีหลักทรัพย์ค้ำประกันภายใต้สัญญาเงินกู้ โดย SAWAD ปล่อยกู้ภายใต้สัญญาเงินกู้ 80% ของสินเชื่อทังหมด และปล่อยกู้ภายใต้สัญญาเช่าซื้อประมาณ 20% ของสินเชื่อทั้งหมด ซึ่ง SAWAD ดำเนินการตามกฎหมายฉบับเก่าอยู่แล้วคือเก็บดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี และมีค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมของ SAWAD อยู่ทีราว 28%

แต่ในอนาคตยังมีความเสี่ยงในเรื่องการตีความกฎหมายใหม่ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทที่ปล่อยสินเชื่อภายใต้สัญญาเงินกู้ ซึ่ง SAWAD ได้ปิดความเสี่ยงหากมีการตีความกฎหมายใหม่ด้วยการที่ SAWAD อาจจะปล่อยสินเชื่อผ่าน BFIT แทน โดย BFIT นั้นไม่ได้ถูกควบคุมด้วยพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา จึงไม่ถูกควบคุมด้านอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจึงทำให้ผลกระทบหากมีการตีความกฎหมายใหม่ที่ทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อลดลงต่อ SAWAD จะจำกัด

นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ SAWAD ในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อที่ราว 580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 46% จากงวดปีก่อน โดยคาดสินเชื่อจะเติบโต 12% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 55% นับจากต้นปี ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลและสาขาที่เปิดเพิ่มขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ คงราคาเหมาะสมที่ 55 บาท

ขณะเดียวกันมีมุมมองเป็นกลางต่อการซื้อกิจการ BFIT ในครั้งนี้ โดยคาด Synergy จากการควบรวมอาจน้อยกว่าที่คาดหวังเนื่องจากสัดส่วนการเข้าถือหุ้นอาจน้อยกว่าที่คาดไว้ โดยหากเข้าถือ 100% จะมีผลต่อการเพิ่มของกำไรราว 4% แต่หากเข้าถือ 40% จะส่งผลต่อกำไรสุทธิรวมน้อยกว่า 2%

นอกจากนี้ การโอนธุรกิจเงินให้สินเชื่อจำนำหลักประกันไปให้กับ BFIT ในอนาคต ทำให้ SAWAD ได้ประโยชน์น้อยกว่าที่ทำภายใต้บริษัทเดิม ดังนั้น จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ที่ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5% จากปี 59 ส่วนประมาณการสำหรับกำไรปี 61 มีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้น 3-5% หาก SAWAD ถือหุ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น


แท็ก (BFIT)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ