(เพิ่มเติม) JMART ผันตัวเป็นโฮลดิ้งทุ่มงบลงทุนทั้งกลุ่มปีนี้ 7.7 พันลบ.ตั้งเป้ารายได้รวมโต 30%,ดัน"ฟินเทค"เข้า SET ปี 61

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 17, 2017 14:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ มาร์ท (JMART) ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ของกลุ่มบริษัทเติบโต 30% ขณะที่ใช้งบการลงทุนรวมทั้งกลุ่มราว 7,700 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่ใช้เงินลงทุนที่ 5,000 ล้านบาท โดยในปีนี้จะเป็นอีกปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของเจมาร์ทจากการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ผันตัวเองเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และจะยังคงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

พร้อมด้วยการจัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เป็นบริษัทแกนหลักในการเติบโตใน ธุรกิจค้าปลีก อีกทั้งบริษัทเล็งเห็นเทรนด์แห่งอนาคตของอุตสาหกรรมการเงินไทยที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเสริมทัพธุรกิจค้าปลีกด้วยฟินเทค ภายใต้การบริหารของบริษัทในเครือ บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล และ ล่าสุดได้จัดตั้งบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ และลงทุนในธุรกิจ Start-up ที่มีศักยภาพ

ทั้งนี้ ด้วยมองว่าในอนาคตรูปแบบการทำธุรกิจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีทางการเงินที่ก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งกลุ่มเจมาร์ทมีฐานข้อมูลลูกค้า ลูกหนี้ และช่องทางการจำหน่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งการนำเอาเทคโนโลยีฟินเทคเข้ามาในธุรกิจค้าปลีกจะทำให้ธุรกิจของบริษัทแข็งแรงขึ้น

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 30% และจะใช้งบลงทุนจำนวน 70 ล้านบาท ในการขยายร้านเจมาร์ท และแบรนด์ช็อปในปีนี้เพิ่มอีก 35 สาขา จากสิ้นปี 59 มีสาขาจำนวนทั้งสิ้น 205 สาขา รวมถึงขยายร้าน Jaycamera เพิ่มอีก 10 สาขา จากที่ผ่านมามีการเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ขณะเดียวกันจะวางจำหน่ายกล้องถ่ายรูปไปยังร้านเจมาร์ทเพิ่มเป็น 100 สาขา จากเดิมมีการวางจำหน่ายอยู่แล้วกว่า 50 สาขา

ขณะที่มองแนวโน้มตลาดโทรศัทพ์มือถือในปีนี้น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยผู้บริโภคต้องการใช้เครื่องที่มีคุณภาพที่สูงขึ้น ราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ ได้มีการออกโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น คาดว่าในสิ้นปีนี้มูลค่าตลาดรวมโทรศัพท์มือถือจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 110,000 ล้านบาท

ด้านนายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ามีพอร์ตบริหารหนี้ปีนี้ แตะ 1.4 แสนล้านบาท จากปีก่อนมีพอร์ตบริหารหนี้แล้วกว่า 1 แสนล้านบาท และภายใน 3 ปี จะมีพอร์ตบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น 2 แสนล้านบาท โดยวางงบลงทุนปีนี้ที่ 1,560 ล้านบาท ในการเข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 30,000 ล้านบาท จากภาพรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี สถาบันการเงินต่างๆ ขายหนี้เสียออกมาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนเข้าซื้อกิจการ โดยสนใจธุรกิจประกันภัยและคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา 2 ราย คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในปีนี้อย่างน้อย 1 ราย ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อดีล อีกทั้งยังมองโอกาสขยายธุรกิจการปล่อยสินเชื่อไปยัง CLMV เพื่อให้สามารถครอบคลุมลูกค้าได้มากขึ้น หากมีความคืบหน้าบริษัทจะแจ้งให้ทราบภายหลัง

นายสุพจน์ วรรณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท (J) กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจในปี 60 มั่นใจจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์โทรศัพท์มือถือ ภายใต้ชื่อ“IT JUNCTION" ที่ปัจจุบันมีอยู่ 52 สาขา และในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 8 สาขา

รวมถึงธุรกิจศูนย์การค้าชุมชนภายใต้ชื่อ The Jas ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ The Jas วังหิน , The Jas รามอินทรา และ Jas Urban ศรีนครินทร์ ที่เปิดให้บริการเมื่อปลายปี 59 ปัจจุบันมียอดผู้เช่าเต็มทั้ง 100% และจะเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาสนับสนุนรายได้ของ บริษัทฯ ในปีนี้เต็มจำนวน

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้แตกไลน์ธุรกิจเพิ่มเติมอีก เพื่อเข้ามาต่อยอดการเติบโตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยล่าสุดเปิดตัว “TOTEM KINGDOM" สวนสนุกในร่มขนาดใหญ่แห่งแรกของบริษัทฯ ให้เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งที่จะสามารถดึง Traffic ของโครงการ Jas Urban ศรีนครินทร์ให้เพิ่มขึ้นมาได้

นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ Newera คอนโด Low Rise จำนวน 8 ชั้น ย่านถนนประดิษมนูธรรม คาดพร้อมเปิดให้จองได้ภายในกลางปีนี้ หวังเพิ่มความหลากหลายให้ธุรกิจ และยังมองโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมอีก โดยวางงบลงทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท

นางนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตราว 68% และกำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังมีการผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มบริษัทเจมาร์ท และได้มีการปรับโครงสร้างภายในครั้งใหญ่ เพื่อการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และทันสมัย โดยมีแผนรุกการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายของบริษัทฯ ซึ่งปีนี้จะเพิ่มเป็น 20,000 คน จากปัจจุบันมีจำนวนเกือบ 1 หมื่นคน กระจายอยู่ทั่วประเทศ นับเป็นจุดแข็งสำคัญในการขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ ทั้ง โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงธุรกิจประเภท Car for Cash บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ มั่นใจว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของซิงเกอร์ในปีนี้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็มีนโยบายควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ในปีนี้ไม่ให้เกิน 7% จากปีก่อนมี NPL อยู่กว่า 10% โดยจะมีการเข้าพบลูกค้า เพื่อรีไฟแนนซ์ หรือปรับปรุงหนี้เสียโดยตรง

นายอดิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯได้เล็งเห็นโอกาศจากฟินเทค (Fintech) ซึ่งเป็นเทรนด์แห่งอนาคตของการเงินไทย ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทฯ จึงรุกเข้าไปขยายธุรกิจทางด้านซอฟต์แวร์ แอพพลิเคชั่น ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจฟินเทค รวมทั้ง เทคโนโยโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการเงินในยุค ดิจิตอล เพื่อรองรับธุรกิจค้าปลีก และเพื่อขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท โดยการหาโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทในอนาคต

พร้อมกันนี้เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 59 ที่ผ่านมา บริษัทมีมติจัดตั้ง บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ รับจ้างพัฒนาซอฟต์แวร์ และเพื่อประกอบธุรกิจลงทุนในกิจการอื่นๆ เช่น ธุรกิจ Start-up และ ฟินเทค ซึ่งปัจจุบันบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ได้เริ่มคัดเลือกฟินเทคเพื่อเข้าลงทุนแล้ว หลังจากนั้นจะนำมาพัฒนาต่อยอดในบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อผ่านบุคคลผ่านระบบแอพพลิเคชั่น โดยมีระบบกู้ ยืม จ่าย ในระบบเดียวกัน คาดว่าจะสามารถเปิดให้ใช้งานบนแอพพลิเคชั่นได้ในวันที่ 5 ก.พ.60

สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ยังมีผลขาดทุน และมีรายได้ราว 250 ล้านบาท แต่ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะสร้างรายได้ราว 700 ล้านบาท และพลิกกลับมามีกำไร โดยมีปัจจัยหนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมีแผนนำ เจ ฟินเทค เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 61 เพื่อนำเงินจากการระดมทุนขายหุ้น IPO มาปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลต่อไป และให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างยั่งยืน และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มเจมาร์ทต่อไปในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ