นายไตรรงค์ บุตรากาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวจากปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งข้อมูลคำอธิบายผลการดำเนินงานของ TMB ในปี 59 ระบุว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีติดลบ 3.1% โดยปีนี้จะไม่เน้นการรุกปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีมากนัก เพราะมองว่าภาวะเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศยังเป็นภาพการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารยังคงต้องระมัดระวังการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธนาคารจะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าปัจจุบันที่เป็นฐานลูกค้าของธนาคาร ซึ่งมีอยู่จำนวน 100,000 ราย โดยจะมีฐานลูกค้าเอสเอ็มอีที่ธนาคารจะพิจารณาให้สินเชื่อเป็นพิเศษจำนวน 70,000 ราย
สำหรับสินเชื่อคงค้างธุกิจเอสเอ็มอีของธนาคารในปีนี้คาดว่าจะยังทรงตัวอยู่ใกล้เคียงปีก่อนที่ 2 แสนล้านบาท ขณะที่รายได้จากธุรกิจเอสเอ็มอีตั้งเป้าเติบโต 10-15% โดยจะมาจากการให้บริการงานด้านต่าง ๆ กับลูกค้าของธนาคาร ซึ่งในปี 59 รายได้ธุรกิจเอสเอ็มอีของธนาคารมีการเติบโตใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ในปีก่อนที่ 15%
นายไตรรงค์ กล่าวว่า การฟื้นตัวขึ้นของสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้จะเป็นไปตามภาพรวมของธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทยที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นบ้างตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนภาครัฐที่จะเริ่มมีการก่อสร้างหลังจากประมูลไปเมื่อปีที่แล้ว และยังมีโครงการอื่น ๆ ตามแผนงานของภาครัฐที่จะทยอยออกมาอีก ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรที่ดีขึ้นส่งผลให้ประชาชนกลับมามีกำลังซื้อมากขึ้น และการส่งออกของไทยปีนี้ที่คาดว่าจะไม่ติดลบ ซึ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของธุรกิจเอสเอ็มในภาพรวมด้วย
“ปี 59 ถือเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากของธุรกิจเอสเอ็มอี แต่ธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยก็สามารถฝ่าไปได้จนจบปี แล้วมาถึงปีนี้ก็เป็นปีที่ท้าทายของธุรกิจเอสเอ็มอีกปีหนึ่ง แต่ดูสถานการณ์ต่าง ๆ โดยรวมแล้วคิดว่าน่าจะดีขึ้นเล็กน้อย ตัวเลขต่าง ๆ ก็น่าจะออกดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น GDP รายได้ของประชากรที่เพิ่มขึ้น และภาคการส่งออกที่คิดว่าไม่ติดลบ โดยปัจจัยหนุนปีนี้เป็นเรื่องการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก แต่เราก็เชื่อว่าถึงแม้ธุรกิจเอสเอ็มอีจะฟื้นตัวขึ้น แต่ยังเป็นการฟื้นตัวแบบอ่อน ๆ และยังต้องใช้เวลาอีกสักนิดกว่าจะเห็นการฟื้นตัวดีอย่างชัดเจน"นายไตรรงค์ กล่าว
สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ธนาคารคาดว่าในปีนี้จะมีการเติบโตโดดเด่นเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนภาครัฐ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง และอีกกลุ่มธุรกิจเป็นกลุ่มธุรกิจเกษตร ที่ได้รับประโยชน์ในเรื่องราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น
ส่วนแนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารคาดว่าจะชะลอตัวลง โดยธนาคารได้พยายามบริหารจัดการ มีการติดตาม และช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยมีพนักงาน 90 คนที่คอยให้การดูแลกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้ลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารได้รับผลกระทบอยู่บ้าง