นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ว่า ยังถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งกรณีอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการตอบโต้ในเรื่องการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งจะทำให้แรงขายทำกำไรน่าจะยังมีอยู่ และกดดันดัชนีฯต่อในวันนี้ ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯมีแนวโน้มลดลงจากวันก่อน มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,559-1,574 จุด
ทั้งนี้ การแถลงของนางเทเรซา เมย์ นายกฯประเทศอังกฤษเมื่อเย็นที่ผ่านมาก็เป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่การเน้นย้ำว่าจะทำตามขั้นตอนในการออกจากอียูเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของตลาด ทำให้ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นถึง 3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ดัชนีตลาดหุ้นอังกฤษลบ 1% กว่าๆ ตลาดอื่นๆ ลบกันเล็กน้อย
ตัวแปรที่สำคัญของตลาดวันนี้ คือค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเทียบกับสกุลหลัง ผลให้ Dollar Index ลดลง 1.2% ในคืนที่ผ่านมา น่าจะเป็นความกังวลที่มีอยู่เดิม และนายโดนัลด์ ทรัมป์ พูดถึงการตอบโต้ทางการค้ากับจีน และเลยไปถึงว่า ค่าเงินดอลลาร์ในปัจจุบันแข็งเกินไป จึงกดค่าเงินดอลลาร์ลงมาก และอย่างที่ทราบๆกันว่า ตลาดหุ้นน่าจะชอบที่เงินดอลล่าร์แข็งค่ามากกว่าราคาทองคำ ที่กลับมาเหนือ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์อีกครั้ง เป็นมาตรวัดความเสี่ยงของตลาดว่าความเสี่ยงยังเพิ่มขึ้น (ผลจากค่าดอลลาร์อ่อน ก็เป็นส่วนหนึ่ง)
"ตลาดช่วงสั้นๆ ยังเป็นลักษณะของการพักตัวนักลงทุนจึงควรพิจารณาเลือกขายทำกำไรหุ้นที่ขึ้นมามากๆ หรือหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก เนื่องจากผลของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ล่าสุด เงินบาท อยู่ที่ระดับ 35.28 บาท แข็งค่าขึ้นจากปลายปีก่อนถึง 1.7% การเข้าลงทุนในวันนี้ ควรเลือกตัวที่มีข่าวบวกและเล่นสั้นๆไว้ก่อน และควรดูตลาดต่างประเทศประกอบไปด้วย หากมีการ rebound หรือตลาดคลายความกังวลลง เราอาจเห็นแรงซื้อกลับของนักลงทุน ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน เช่น LOXLEY,MSC,STEC,ITEL"นายมงคล กล่าว